โดย...สุกัญญา แสงงาม
เชื่อว่า...คนทำดี ย่อมได้ดี และควรได้รับการยกย่องจากสังคม โดยเมื่อเร็วๆ นี้ กระทรวงวัฒนธรรม ได้มอบโล่ประกาศเกียรติคุณ เงินสนับสนุนและบัตรเข้าชมโบราณสถาน พิพิธภัณฑ์ อุทยานประวัติศาสตร์ทั่วประเทศ ตลอดชีพ แก่บุคคลผู้ที่กระทำความดีด้วยการเก็บเงินได้คืนเจ้าของ และช่วยเหลือผู้อื่นด้วยความเสียสละ ตามโครงการ “คนดี คิดดี สังคมดี” ปี 2554
เริ่มจาก “ทินภัทร พิมพา” หรือ อู่ นักศึกษาชั้นปีที่ 1 คณะเทคโนโลยีการเกษตร สาขาวิชาการเกษตร มหาวิทยาลัยราชภัฏบุรีรัมย์ เยาวชนไทยจิตใจดีผู้เก็บทองและเพชร มูลค่า 10 ล้านบาท 1 ในผู้ที่สมควรได้รับยกย่องการทำความดีซึ่งได้เก็บเงินและของมีค่าคืนเจ้าของ 10 คน เล่าว่า ช่วงที่ไม่ได้เรียนจะเก็บของเก่าขายเพื่อเป็นรายได้เสริมและส่งตัวเองเรียน กระทั่งตอนค่ำของวันที่ 6 ต.ค.54 ตนเก็บขยะอยู่หน้าร้านทองเพชรคุณหลวง พอแกะถุงดำแล้วเจอกล่องพลาสติก ใส่ทอง เพชร ตอนนั้นคิดว่าเป็นของปลอม จึงเก็บกลับบ้าน พอมาสังเกตอย่างถี่ถ้วนคิดว่าน่าจะเป็นของจริง จึงมาแจ้งตำรวจ ลงบันทึกประจำวัน เพื่อตามหาเจ้าของ
ตำรวจแจ้งว่า พบเจ้าของแล้วให้ไปส่งมอบ ทันทีที่เจอเจ้าของดีใจ ยิ้มพร้อมน้ำตาไหล และ พร่ำพรรณนาคำขอบคุณไม่หยุดปาก เจ้าของคิดว่าคงจะไม่ได้คืนแล้วและบอกมูลค่าเพชรทองว่ามีมูลค่ากว่า 10 ล้านบาท
“พอรู้ว่าเป็นของจริง ตอนนั้นอยากคืนเจ้าของมากกว่า ไม่รู้สึกละโมบอยากได้ซักนิด คิดว่าอย่างเราทำของหายยังอยากได้คืน ประกอบกับพ่อแม่สอนให้ซื่อสัตย์ ขยันทำมาหากิน” ทินภัทร เล่า
นอกจากนี้ ทินภัทร ยังวางแผนการดำเนินชีวิตให้ฟังว่า พ่อแม่ปู่ย่าตายาย ทำนา เลยตัดสินใจเรียนเกษตร ตั้งใจว่า เรียนจบจะนำความรู้ที่เรียนมาพัฒนาเกษตรสมัยใหม่ โดยจะคิดค้น เพาะเนื้อเยื่อสายพันธุ์ใหม่ ตลอดจนพัฒนาเทคโนโลยี ให้เหมาะสมกับสภาพอากาศ จะได้ผลผลิตจำนวนมาก เพื่อนำไปจำหน่ายต่างประเทศ อย่างไรก็ตาม ถ้าทดลองในที่นาของตนเองประสบความสำเร็จแล้ว จะขยายผลโดยเป็นวิทยากร เผยแพร่ความรู้ให้แก่ชาวบ้านอื่นๆ ด้วย
ด้าน ด.ช.ประพันธ์ นุ้ยวังทอง หรือ น้องทัด นักเรียนชั้น ป.6 โรงเรียนวัดกำแพง (อุดมพิทยากร) จ.ชลบุรี ซึ่งเก็บเงินได้จำนวน 5 หมื่นบาท เล่าให้ฟังว่า 4 มกราคม 2554 วันนั้นฝนตกหนักมาก พอผมขายข้าวเกรียบว่าวหมด ก็รีบวิ่งจะมานั่งรถมอเตอร์ไซค์รับจ้าง ระหว่างทางที่วิ่งไปเหยียบถุงผ้า คิดว่า เป็นถุงที่เขาทิ้งแล้ว แต่ก็หยิบขึ้นมาดู พบว่า ภายในถุงผ้ามีแบงก์จำนวนมาก รีบเก็บใส่กระเป๋ากางเกง แล้วมาบอกยาย แล้วยายก็ไปบอกลุง ให้ลุงโทร.หาเพื่อนที่เป็นตำรวจ ให้ไปเจอกันที่โรงพักเพื่อลงบันทึกประจำวัน และจะประกาศตามหาเจ้าของ พอวันรุ่งขึ้นตำรวจโทร.มาให้ไปเจอกันที่โรงพัก เพราะเจ้าของเงินรออยู่และมอบเงินให้ 5 พันบาท เพื่อเป็นทุนการศึกษา
“ตอนที่เก็บถุงผ้าแล้วรู้ว่ามีเงินอยู่ รู้สึกดีใจมาก แต่ยายสอนว่า เงินเหล่านี้ไม่ใช่เงินของเรา ควรคืนเจ้าของ เขาอาจเดือดร้อน” ด.ช.ประพันธ์ บอกว่า ยายสอนให้คิดถึงคนอื่นๆ อย่าเห็นแก่ตัว ยายสอนด้วยว่า ถ้าเราประกอบอาชีพสุจริต ขยัน ไม่มีวันอดตาย
ขณะที่ ด.ญ.วริศรา และ ด.ญ.ณัฎฐณิชา วงศ์มาก สองพี่น้อง จากโรงเรียนวัดควนวิเศษ จ.ตรัง เก็บเงินสด และทองคำมูลค่า 5 แสนบาท คืนเจ้าของ เล่าให้ฟังว่า แม่กับเรา 2 คนไปสวดมนต์ข้ามปี ส่งท้ายปีเก่าวิถีไทย ต้อนรับปีใหม่วิถีพุทธ ที่ วัดสาลิการาม วันที่ 31 ธ.ค.54 สวดมนต์เสร็จเกือบตี 2 ยืนรอรถยนต์ในเต็นท์พิธี เพื่อจะกลับบ้าน เหลือบไปเห็นกระเป๋าตกอยู่ที่พื้นบริเวณหน้าอุโบสถ จึงเดินไปมอบกระเป๋าให้เจ้าอาวาส เพื่อประกาศหาเจ้าของ ซึ่งมีเงิน 3 แสนบาท สร้อยทอง 2 เส้น ผ่านไปหลายวัน เรากลับมาวัดทำบุญในวันพระ เจ้าอาวาสประกาศหาตัวผู้พบกระเป๋า เพื่อส่งมอบให้เจ้าของ นางกิ่งทิพย์ แก้วพิทักษ์ อาชีพทำสวน
“แม่สั่งสอนตลอดว่า อย่าไปหยิบของคนอื่น แต่ถ้าเห็นเพื่อน หรือคนอื่นทุกข์ แล้วเราสามารถช่วยเหลือเขาได้โดยที่เราไม่ได้เดือดร้อน ให้ช่วยเขา คำสั่งสอนเหล่านี้ทำให้ไม่อยากได้ อยากคืนเจ้าของ ที่สำคัญ กลัวบาป” ด.ญ.วริศรา และ ด.ญ.ณัฎฐณิชา เล่า
สุดท้าย เชื่อว่า สังคมไทยยังมีผู้ที่ซื่อสัตย์ ทำคุณงามความดีมีอยู่ในสังคมจำนวนมาก เยาวชน ทั้ง 4 คน อาจเป็นเพียงตัวอย่างเล็กๆ ที่ช่วยกระตุ้นเตือนคนไทย ให้ซื่อสัตย์สุจริต สังคมไทยจะปราศจากทุจริต คอร์รัปชัน