“ปู” เมินแก้ปัญหาภาคประชาชนเหนือ เบี้ยวเวทีสมัชชา ปชต.ชุมชนเฉย

แพร่/เพชรบูรณ์ - ประชาสังคมภาคเหนือกว่า 2,000 คนผิดหวัง “นายกรัฐมนตรี” เบี้ยวเวทีสมัชชาประชาธิปไตยชุมชน ข้อเสนองานแก้ปัญหาและพัฒนาชุมชนสังคมร่วมกัน

รายงานข่าวจากจังหวัดเพชรบูรณ์ แจ้งว่า กลุ่มองค์กรชาวบ้านที่จัดตั้งสภาองค์กรชุมชนตำบล และผู้แทนสภาพัฒนาการเมืองใน 15 จังหวัดภาคเหนือ จำนวน 2,000 คน ร่วมเวทีสมัชชาประชาธิปไตยชุมชนประจำภาคเหนือ ปี 2554 ที่สนามโรงเรียนร่มเกล้าเขาค้อ อ.เขาค้อ จ.เพชรบูรณ์ ระหว่างวันที่ 17-18 ธ.ค.54 ที่ผ่านมา เป็นการจัดสมัชชาครั้งใหญ่ 1 ใน 5 ครั้งทั่วประเทศ ซึ่งตามกำหนดการมีการเชิญนางสาวยิ่งลักษณ์ ชินวัตร นายกรัฐมนตรี เข้าร่วมรับข้อเสนอด้วย

แต่ปรากฏว่า น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร นายกรัฐมนตรี ไม่ให้ความสำคัญและไม่ส่งตัวแทนเข้าร่วมแต่อย่างใด คณะกรรมการผู้จัดงานจึงได้นำข้อเสนอส่งมอบให้กับนางลัดดาวัลย์ ตันติวิทยาพิทักษ์ รองประธานสภาพัฒนาการเมืองแทน เพื่อส่งให้นายกรัฐมนตรีต่อไป

อย่างไรก็ตาม ในเวทีสมัชชาระดับชาติอีกครั้งในต้นปีหน้า คณะกรรมการฯอาจไม่เชิญนายกรัฐมนตรีเข้าร่วม แต่จะเป็นประชาคมในการเดินหน้าเพื่อเข้าสู่กระบวนการจัดการตนเองในจังหวัดที่มีความพร้อมต่อไปแทน

นายอำนวย พลหล้า ผู้แทนสภาพัฒนาการเมือง จังหวัดแพร่ เปิดเผยว่า การจัดงานดังกล่าวเป็นการระดมแนวคิดในการแก้ปัญหาหลากหลายเรื่องที่เกิดขึ้นในชุมชนภาคเหนือ ซึ่งที่ผ่านมาทางราชการแก้ไขไม่ได้หรือจงใจไม่แก้ไข เช่น ปัญหาหนี้สิน ปัญหาที่ดินทำกิน ปัญหาภัยพิบัติ ทรัพยากรธรรมชาติถูกทำลาย ฯลฯ รวมไปถึงการกระจายอำนาจ การพัฒนาแบบมีส่วนร่วมภายใต้รัฐธรรมนูญที่ประชาชนควรมีบทบาทในการแก้ปัญหาด้วยตนเอง ซึ่งมีการระดมประเด็นมาแล้วส่วนหนึ่งในแต่ละจังหวัด และนำมาสรุปร่วมกันเพื่อนำเสนอต่อรัฐบาล เพื่อเปิดช่องให้มีการแก้ปัญหาหรือพัฒนาแบบมีส่วนร่วมอย่างเป็นรูปธรรม เป็นการส่งเสริมประชาธิปไตยในชุมชน

ซึ่งประเด็นเหล่านี้ตามกำหนดการจะส่งมอบให้กับ น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร นายกรัฐมนตรี ในวันที่ 18 ธ.ค.54 ที่ผ่านมา แต่ปรากฏว่านายกรัฐมนตรีไม่มาร่วมและไม่ส่งผู้แทนเข้าร่วม สมัชชาฯ จึงต้องส่งมอบให้กับนางลัดดาวัลย์ ตันติวิทยาพิทักษ์ รองประธานสภาพัฒนาการเมือง เพื่อนำไปเสนอให้รัฐบาลต่อไป ซึ่งประชาชนกำลังคิดอ่านว่า “ถ้ารัฐไม่สนใจก็จะถือโอกาสในการเดินหน้าเพื่อจัดการปัญหาด้วยตนเอง”

นายสวิง ตันอุด ประชาสังคมจากจังหวัดเชียงใหม่ กล่าวว่า การปกครองของประเทศไทยปัจจุบันมีหน่วยราชการจากส่วนกลางเข้ามาดูแลในภูมิภาคมากกว่า 200 หน่วยงาน แต่ไม่ได้รับการแก้ปัญหาได้อย่างเป็นรูปธรรม ความจริงศาลากลางจังหวัดทุกจังหวัดน่าจะเป็นห้องทำงานของประชาชนฝ่ายต่างๆ เช่น ห้องผู้สูงอายุ ห้องอาสาสมัคร ห้องเครือข่ายดูแลทรัพยากร ฯลฯ แต่ปัจจุบันศาลากลางเป็นเพียงไปรษณีย์ส่งปัญหาไปส่วนกลาง ไม่สามารถแก้ปัญหาได้ด้วยตนเอง ดังนั้นปัญหาเป็นหมื่นๆ ปัญหาจึงจัดการไม่ได้

“สิ่งที่ภาคประชาชนต้องคิดใหม่ ไม่ควรฝากความหวังให้กับหน่วยงานราชการอีกต่อไป เช่น งานสมัชชา ที่จัดขึ้นไม่ได้รับความสนใจจากนายกรัฐมนตรี จากนี้ต่อไปประชาชนจะต้องเอาใจใส่ในการพัฒนา โดยวิธีร่วมคิดร่วมทำ ร่วมจัดการปัญหาของตนเองน่าจะเป็นทางออกที่ดี ตามแนวทางจังหวัดจัดการตนเอง ซึ่งคงไม่ใช่เรื่องง่ายนักที่จะทำได้ แต่ประชาชนต้องเตรียมความพร้อมในการจัดการตนเอง”