นครปฐม - ปตท.ส่งถุงยังชีพช่วยเหลือผู้ประสบภัยในพื้นที่นครปฐม โดยมี พระธรรมปริยัติเวที เจ้าคณะภาค 15 เจ้าอาวาสวัดพระปฐมเจดีย์ หลวงปู่พุทธะอิสระ วัดอ้อน้อย (ธรรมอิสระ) และภาคเอกชน ร่วมนำข้าวสารและอาหารกล่องส่งถึงครัวเรือนผู้ประสบภัยในพื้นที่อำเภอบางเลน ที่น้ำยังท่วมขังสูงกว่า 3 เมตร
วันนี้ (30 พ.ย.) แม้มวลน้ำในพื้นที่ต่างๆ เช่น จ.นครสวรรค์ พระนครศรีอยุธยา และ จ.ลพบุรี จะเริ่มลดระดับลงอย่างต่อเนื่องจนบางพื้นที่กลับเข้าสู่ภาวะปกติ เช่นเดียวกับ จ.นครปฐม ที่ประสบปัญหาอุทกภัยไม่น้อยไปกว่าจังหวัดอื่นๆ โดยที่อำเภอบางเลน จ.นครปฐม ถือว่าเป็นเขตที่จะประสบปัญหาอุทกภัยบ่อยครั้ง ชาวบ้านที่อาศัยอยู่ที่ริมแม่น้ำนครชัยศรี หรือแม่น้ำท่าจีน แม้จะเคยชินกับเรื่องราวเหล่านี้ก็จริง แต่ในปีนี้ถือว่าปัญหาดังกล่าวกลับไม่ใช่แค่เพียงเรื่องที่ชาวบ้านจะสามารถรับมือกับภัยครั้งนี้ได้อย่างง่ายดายเท่านั้น
สถานการณ์อุทกภัยน้ำท่วมได้เริ่มขึ้นตั้งแต่เดือนสิงหาคม และเริ่มทวีความรุนแรงมากขึ้นเรื่อยๆ เมื่อน้ำในแม่น้ำได้เพิ่มระดับอย่างต่อเนื่อง ประกอบกับน้ำที่ไหลมาจาก จ.นนทบุรี ทำให้พื้นที่อำเภอบางเลน จ.นครปฐม ต้องประสบกับมวลน้ำขนาบมาทั้ง 2 ฝั่ง ผลทำให้ในท้องนาหลายแสนไร่ต้องจมอยู่ใต้บาดาล ที่มีความลึกกว่า 3 เมตร การสัญจรไปมาของชาวบ้านและเกษตรกร เป็นไปได้ด้วยความยากลำบาก และสามารถทำได้เพียงทางเรือเท่านั้นในหลายๆพื้นที่
บริษัท ปตท.จำกัด (มหาชน) เป็นหนึ่งองค์กรที่ได้ให้การสนับสนุนถุงยังชีพกับประชาชนที่เดือดร้อนในเขตอำเภอบางเลน โดยมีพระธรรมปริยัติเวที เจ้าคณะภาค 15 เจ้าอาวาสวัดพระปฐมเจดีย์ หลวงปู่พุทธะอิสระ วัดอ้อน้อย (ธรรมอิสระ) และชมรมจักรยานจังหวัดนครปฐม พร้อมกลุ่มจิตอาสา ได้นำสิ่งของและอาหารกล่องไปมอบให้กับผู้ประสบภัยในพื้นที่ที่ยังคงต้องอาศัยอยู่ในบ้านเรือนที่อยู่ไกลจากถนนและชุมชน
และมีปัญหาในเรื่องการจัดหาซื้อเครื่องอุปโภคบริโภค เนื่องจากไม่มีเรือที่มีเครื่องยนต์ในการออกมาหาซื้อหรือรับของบริจาค การนำถุงยังชีพไปส่งให้ถึงครัวเรือนนั้น ถือว่าเป็นการตอบโจทย์และสามารถสอบถามข้อมูลความต้องการและการวางแผนในการให้การช่วยเหลือทั้งในระยะยาวและระยะสั้นได้ ซึ่งเมื่อเรือจากชาวบ้านที่พร้อมจะสนับสนุนการส่งมอบถุงยังชีพให้กับผู้ประสบภัยด้วยจิตอาสาเช่นกันทำให้การช่วยเหลือและการทำงานเป็นไปอย่างรวดเร็วและง่ายมากขึ้น
ชาวบ้านหลายครอบครัว ต่างบอกว่า น้ำท่วมปีนี้นั้นรุนแรงกว่าทุกครั้งเมื่อคราวปี 48 น้ำที่ท่วมขังยังมีระดับที่ตำกว่าปีนี้ถึงเกือบ 1 เมตร เมื่อน้ำมาถึงเพียงแค่คืนเดียว ความหวังในการเกี่ยวเกี่ยวพืชทางการเกษตรได้หายไปอยู่ใต้มวลน้ำทันที ยิ่งการติดต่อจากภาครัฐแล้วยิ่งทำได้อย่างยากลำบาก การมีกลุ่มองกรต่างๆ เข้ามาช่วยเหลือดูแลและไม่ทอดทิ้ง จึงเหมือนเป็นกำลังใจที่ทำให้รู้สึกว่าสังคมไทยไม่ได้ทอดทิ้งกัน และถุงยังชีพ 1 ถุง ยังสามารถจะช่วยให้มีข้าวมีอาหารได้รับประทานไปได้ 3-4 วันก็จริง แต่ความรู้สึกว่าไม่ได้ถูกทอดทิ้งนั้นมีความหมายมากกว่าสิ่งของใดๆ
นอกจากนี้ จากการตรวจสอบยังพบว่าในเขตอำเภอบางเลน ยังมีปัญหาน้ำท่วมขังที่ยาวนานแน่นอน ซึ่งถุงยังชีพและเครื่องปรุงประเภท น้ำปลา น้ำมันพืช น้ำตาลนั้นก็ถือว่าเป็นสิ่งที่ชาวบ้านต้องการจะได้รับการดูแลจากภาครัฐบ้าง เนื่องจากหลายครอบครัวบอกว่า ตั้งแต่น้ำท่วมมายังไม่เคยเห็นส่วนราชการที่รับผิดชอบเข้าไปดูแล มีเพียงกลุ่มจิตอาสาและภาคเอกชนที่เข้าถึงชุมชนที่ห่างไกล
และกลัวว่า เมื่อเวลาผ่านไปกระแสข่าวเกี่ยวกับน้ำท่วมในพื้นที่จะเลือนหายและชาวบ้านที่ยังคงต้องอาศัยอยู่ร่วมกับมวลน้ำจะถูกทอดทิ้งอีกด้วย เพราะอย่างน้อยก็คงยาวไปถึงเดือนมกราคม 2555 กว่าระดับน้ำจะลดลงอย่างชัดเจน แต่ไม่ได้หมายความว่า แห้งสนิทเหมือนที่แห่งอื่นๆ ที่มีการจัดโครงการบิ๊กคลีนนิงเดย์กันไปแล้ว
