บุรีรัมย์ - หอการค้าบุรีรัมย์ ชี้ สินค้าอุปโภคบริโภคขาดแคลนแน่ หลังโรงงานผลิตเจอน้ำท่วมใหญ่ แนะผู้บริโภคเลือกซื้อสินค้าท้องถิ่นแทน ระบุ ภาคธุรกิจบุรีรัมย์สูญเสียโอกาสสร้างรายได้กว่า 100 ล้าน ห่วงรัฐบาลฟื้นฟูหลังน้ำลดช้ากระทบเศรษฐกิจยาว ทำชะลอลงทุนหรือย้ายฐานหนี “แรงงานรายวัน” ได้รับผลกระทบหนักตกงานจำนวนมาก จี้รัฐหามาตรการรองรับด่วน พร้อมเตือน ปชช.ระวังโจรชุกชุม
วันนี้ (24 พ.ย.) นายวีระเดช ตั้งตรงเวชกิจ ประธานหอการค้าจังหวัดบุรีรัมย์ เปิดเผยถึงผลกระทบที่จังหวัดบุรีรัมย์ได้รับจากปัญหาอุทกภัยครั้งใหญ่ที่ยังวิกฤตอยู่ในภาคกลาง และกรุงเทพฯ ว่า อาจส่งผลต่อสินค้าอุปโภค บริโภคที่จำเป็นขาดแคลนได้ เนื่องจากโรงงานแหล่งผลิตถูกน้ำท่วม และเส้นทางการขนส่งสินค้ายังไม่สามารถใช้การได้ตามปกติ ซึ่งคนบุรีรัมย์อาจต้องปรับเปลี่ยนการเลือกซื้อสินค้า โดยไม่ยึดติดยี่ห้อ และอาจต้องใช้สินค้าท้องถิ่นทดแทน เช่น น้ำดื่ม ซึ่งจะส่งผลดีต่อการตรวจสอบมาตรฐานผลิตภัณฑ์ในท้องถิ่นด้วย
นอกจากนี้ ยังทำให้ผู้ประกอบการธุรกิจในเขตพื้นที่ จ.บุรีรัมย์ หลายประเภท ทั้งด้านการค้าส่งค้าปลีกและสินค้าอุปโภคบริโภค รวมถึงธุรกิจการท่องเที่ยว โรงแรม และธุรกิจขนส่งสินค้าต้องชะลอตัวลง ได้รับผลกระทบเสียโอกาสจากการมีรายได้ ในภาพรวมทั้งจังหวัดไม่น้อยกว่า 100 ล้านบาท จึงขอเรียกร้อง ให้รัฐบาลและหลายภาคส่วนที่เกี่ยวข้องเร่งแก้ไข ฟื้นฟู โดยเฉพาะพื้นที่ย่านเศรษฐกิจ แหล่งอุตสาหกรรม ที่ถูกน้ำท่วมเสียหายหลังน้ำลดโดยเร็ว
นายวีระเดช กล่าวต่อว่า คาดว่า รัฐบาลจะต้องใช้งบประมาณในการฟื้นฟูและเยียวยาประเทศโดยเฉพาะด้านเศรษฐกิจในระยะยาวจำนวนมหาศาล ซึ่งรัฐบาลต้องมีแผนรองรับแล้ว และต้องทำงานให้เร็ว ไม่ขัดแย้งกันในการทำงาน เพราะการช่วยเหลือทุกด้านต้องเดินหน้า เพื่อทำให้เกิดความเชื่อมั่นแก่นักลงทุนทั้งในประเทศและต่างประเทศโดยเร็ว แต่หากรัฐบาลดำเนินการช้าและไม่มีผลสัมฤทธิ์ที่ชัดเจน อาจกระทบเศรษฐกิจของประเทศระยะยาว และที่สำคัญจะกระทบถึงเสถียรภาพของรัฐบาลด้วย
ทั้งนี้ เพราะผลกระทบจากน้ำท่วม ทำให้รัฐบาลต้องใช้งบประมาณจำนวนมากมาฟื้นฟู เม็ดเงินที่ประชาชนมีอยู่ในมืออาจถูกนำมาใช้จ่ายน้อยลง ส่งผลให้ขาดสภาพคล่อง เศรษฐกิจในภาพรวมชะลอตัว ดังนั้น สิ่งที่เป็นกังวลและฝากความห่วงใยถึงภาคการลงทุนในระยะนี้ ควรต้องทบทวน หรือพิจารณาแผนงานโครงการด้านการลงทุนให้มาก บางครั้งต้องถึงขั้นชะลอการลงทุนในบางโครงการไว้ก่อนตามความเหมาะสม ซึ่งขึ้นอยู่กับรัฐบาลจะมีความสามารถเพียงใดในการฟื้นฟูเพื่อไม่ให้นักลงทุนจากต่างประเทศย้ายฐานการลงทุนด้วย
นายวีระเดช กล่าวอีกว่า นอกจากนี้ สิ่งที่เป็นห่วง คือ ผลกระทบจากน้ำท่วมที่ทำให้โรงงานภายในนิคมอุตสาหกรรมบางแห่งต้องปิดตัวลง และแรงงานจำนวนมากจะต้องเดินทางกลับภูมิลำเนาเพื่อพักรอจนกว่าน้ำจะลดและการฟื้นฟูให้โรงงานสามารถดำเนินการได้ดังเดิม ซึ่งแรงงานไม่ทราบว่าเมื่อใดถึงจะได้กลับไปทำงานอีกครั้ง ขณะที่แรงงานต้องกลับบ้านคิดว่าทางจังหวัดแต่ละแห่ง โดยเฉพาะจังหวัดที่น้ำไม่ท่วม จะต้องเร่งหาวิธีการ หรือสรรหาตำแหน่งงานที่ว่างเว้นทุกตำแหน่งที่มีข้อมูลอยู่ในฐานข้อมูล เพื่อปิดประกาศแจ้งไปยังกลุ่มแรงงานทุกคนโดยเร็ว เพื่อเป็นการช่วยเหลือแรงงานได้รับการบรรเทาเรื่องการตกงานต่อไป
ในส่วนของแรงงานที่เป็นลูกจ้างประจำตนไม่ห่วง แต่ที่ห่วงคือแรงงานรายวันที่ต้องหาเข้ากินค่ำได้รับผลกระทบ 100% โดยตรง เพราะเมื่อไม่มีโรงงานไม่มีแหล่งประกอบการจ้าง เพราะต้องประสบปัญหาน้ำท่วม ก็ส่งผลให้แรงงานรายวันเหล่านี้ขาดงานทำ ไม่มีรายได้เลี้ยงตนเอง และครอบครัวไปด้วย เกรงว่า นานไปอาจจะเกิดความเครียด และกลายเป็นปัญหาสังคมตามมาภายหลังได้
“ผมคิดว่าหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ควรเร่งวางแผนรับมือเรื่องแรงงานที่กำลังตกงานและจะตกงานในอนาคต ที่ได้รับผลกระทบจากภาวะน้ำท่วม เพื่อให้แรงงานรายวันเหล่านี้มีทางออกให้แก่ชีวิตของตัวเอง จะได้ไม่เกิดความเครียดซึ่งจะนำไปสู่การเกิดปัญหาอื่นๆ ตามมาภายหลังได้ ตรงนี้ภาครัฐสามารถประสานงานภาคเอกชนเพื่อค้นหาตำแหน่งงานที่ว่างใช้รองรับแรงงานได้ส่วนหนึ่ง” นายวีระเดช กล่าว
อย่างไรก็ตาม ผลกระทบที่ปรากฏชัดทันที คือ กระทบด้านการท่องเที่ยว ในช่วงไฮซีซันปลายปีนี้ เนื่องจากประชาชนยังกังวลเรื่องการฟื้นฟูหลังน้ำลด และการประหยัดค่าใช้จ่ายมากขึ้น ซึ่งสถานการณ์เช่นนี้อาจยาวไปถึงไตรมาสแรกในปีหน้าด้วย
นอกจากนี้ สิ่งน่าเป็นห่วงที่ต้องแจ้งเตือนประชาชน คือ ให้ระวังเรื่องโจรผู้ร้าย ที่จะเข้ามาในพื้นที่จังหวัดบุรีรัมย์เพิ่มมากขึ้น เพื่อก่ออาชญากรรม ประเภทลักขโมย งัดแงะบ้านและรถ การใช้ธนบัตรปลอม การลักขโมยสิ่งของในห้างสรรพสินค้า และร้านค้าต่างๆ ซึ่งก็จะต้องมีมาตรการป้องกันทรัพย์สินให้เข้มงวดกันต่อไป
