ศรีสะเกษ - ตชด.ศรีสะเกษปะทะแก๊งเขมรลอบตัดไม้พะยูง ที่ “ช่องโดนโป” ชายแดนไทย-กัมพูชา ด้าน อ.ขุนหาญ จ.ศรีสะเกษ 2 ระลอก ผลมอดไม้เขมรดับคาที่ 1 ศพ ทิ้งไม้พะยูง และอุปกรณ์ชักลากไม้เกลื่อนชายแดนไทย
วันนี้ ( 20 ต.ค.) เมื่อเวลา 13.00 น. ผู้สื่อข่าวรายงาน ว่า พ.ต.ท.นพรัตน์ กองเมืองปัก ผบ.ร้อยตำรวจตระเวนชายแดน (ตชด.) ที่ 224 ด.ต.ประสาร ขันนะรา รองฯ ผบ.มว.ตชด. 2241 ได้นำกำลังตำรวจตระเวนชายแดนที่ 224 จำนวน 1 หมวด ไปร่วมกับเจ้าหน้าที่เขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่าพนมดงรัก, เจ้าหน้าที่หน่วยป้องกันรักษาป่าที่ ศก.1 ,เจ้าหน้าที่ชุด ฉก.กรมอุทยานแห่งชาติสัตว์ป่าและพันธุ์พืช จำนวน 21 นาย รวมกำลังทั้งสิ้น 26 นาย ร่วมกันออกลาดตระเวนเพื่อป้องกันปราบปรามการลักลอบตัดไม้ทำลายป่า ที่บริเวณใกล้กับช่องโดนโป ชายแดนไทย - กัมพูชา ด้าน ต.ห้วยจันทน์ อ.ขุนหาญ จ.ศรีสะเกษ ที่พิกัดตั้ง VA 32 - 33 พิกัดราบ VA.93 - 94 ซึ่งปรากฏว่าได้กับพบกลุ่มผู้ลักลอบตัดไม้ทำลายป่า เป็นชาวกัมพูชากำลังทำการชักลากไม้ด้วยล้อเลื่อน โดยมีกองกำลังติดอาวุธคอยคุ้มกัน จำนวนประมาณ 8-10 คน
เจ้าหน้าที่ไทยได้แสดงตัวเพื่อเข้าทำการตรวจยึดจับกุม แต่กลุ่มผู้ลักลอบตัดไม้ทำลายป่า ได้ใช้อาวุธยิงใส่เจ้าหน้าที่ฝ่ายไทยก่อน ดังนั้นฝ่ายไทยจึงได้ใช้อาวุธประจำกายยิงตอบโต้ไป ประมาณ 5 นาที เมื่อเสียงปืนสงบลง เจ้าหน้าที่จึงได้เข้าตรวจสอบพื้นที่เกิดเหตุ พบไม้พะยูง จำนวน 6 เหลี่ยมอยู่บนล้อรถเข็น, เลื่อยโซ่ยนต์ ยี่ห้อสติล พร้อมบาร์ จำนวน 1 เครื่อง , ล้อรถเข็น จำนวน 1 คู่ และ พบผู้ลักลอบตัดไม้ทำลายป่าเสียชีวิตเป็นชาวกัมพูชา จำนวน 1 ศพ
ผู้สื่อข่าวรายงานต่อไปว่า ขณะที่เจ้าหน้าที่กำลังทำการตรวจสอบพื้นที่อยู่นั้นปรากฏว่า ส่วนระวังป้องกันของชุดลาดตระเวน ได้ยินเสียงฝ่ายตรงข้ามจำนวนมากกำลังเคลื่อนที่เข้ามายังจุดเกิดเหตุ ทำให้เจ้าหน้าที่ทั้งหมดต้องทำการถอนตัวออกจากจุดเกิดเหตุ โดยได้นำของกลางออกจากจุดเกิดเหตุได้เฉพาะเลื่อยโซ่ยนต์เท่านั้น
นอกจากนี้ขณะที่ชุดลาดตระเวนกำลังถอนตัวออกจากที่เกิดเหตุจุดแรก ได้พบกลุ่มผู้ลักลอบตัดไม้ทำลายป่าชาวกัมพูชาอีกกลุ่มหนึ่ง กำลังทำการชักลากไม้สวนทางมา และเกิดการยิงตอบโต้กันอีกประมาณ 3 นาที กลุ่มผู้ลักลอบตัดไม้ชาวกัมพูชาได้วิ่งหลบหนีเข้าไปในเขตประเทศเพื่อนบ้าน ซึ่งชุดลาดตระเวนได้เข้าตรวจสอบที่เกิดเหตุ พบไม้พะยูง จำนวน 2 เหลี่ยม และจากการประเมินสถานการณ์แล้วเห็นว่าไม่ปลอดภัย จึงได้รีบถอนตัวออกจากพื้นที่เกิดเหตุ และเดินทางกลับถึงที่ตั้งฐานปฏิบัติการภูพะยอม และศพผู้เสียชีวิตยังไม่สามารถนำออกมาจากที่เกิดเหตุได้ ซึ่งจะมีการประสานงานกับกำลังทหาร เพื่อเข้าไปนำเอาศพชาวกัมพูชามาดำเนินการตามกฎหมายต่อไป
วันนี้ ( 20 ต.ค.) เมื่อเวลา 13.00 น. ผู้สื่อข่าวรายงาน ว่า พ.ต.ท.นพรัตน์ กองเมืองปัก ผบ.ร้อยตำรวจตระเวนชายแดน (ตชด.) ที่ 224 ด.ต.ประสาร ขันนะรา รองฯ ผบ.มว.ตชด. 2241 ได้นำกำลังตำรวจตระเวนชายแดนที่ 224 จำนวน 1 หมวด ไปร่วมกับเจ้าหน้าที่เขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่าพนมดงรัก, เจ้าหน้าที่หน่วยป้องกันรักษาป่าที่ ศก.1 ,เจ้าหน้าที่ชุด ฉก.กรมอุทยานแห่งชาติสัตว์ป่าและพันธุ์พืช จำนวน 21 นาย รวมกำลังทั้งสิ้น 26 นาย ร่วมกันออกลาดตระเวนเพื่อป้องกันปราบปรามการลักลอบตัดไม้ทำลายป่า ที่บริเวณใกล้กับช่องโดนโป ชายแดนไทย - กัมพูชา ด้าน ต.ห้วยจันทน์ อ.ขุนหาญ จ.ศรีสะเกษ ที่พิกัดตั้ง VA 32 - 33 พิกัดราบ VA.93 - 94 ซึ่งปรากฏว่าได้กับพบกลุ่มผู้ลักลอบตัดไม้ทำลายป่า เป็นชาวกัมพูชากำลังทำการชักลากไม้ด้วยล้อเลื่อน โดยมีกองกำลังติดอาวุธคอยคุ้มกัน จำนวนประมาณ 8-10 คน
เจ้าหน้าที่ไทยได้แสดงตัวเพื่อเข้าทำการตรวจยึดจับกุม แต่กลุ่มผู้ลักลอบตัดไม้ทำลายป่า ได้ใช้อาวุธยิงใส่เจ้าหน้าที่ฝ่ายไทยก่อน ดังนั้นฝ่ายไทยจึงได้ใช้อาวุธประจำกายยิงตอบโต้ไป ประมาณ 5 นาที เมื่อเสียงปืนสงบลง เจ้าหน้าที่จึงได้เข้าตรวจสอบพื้นที่เกิดเหตุ พบไม้พะยูง จำนวน 6 เหลี่ยมอยู่บนล้อรถเข็น, เลื่อยโซ่ยนต์ ยี่ห้อสติล พร้อมบาร์ จำนวน 1 เครื่อง , ล้อรถเข็น จำนวน 1 คู่ และ พบผู้ลักลอบตัดไม้ทำลายป่าเสียชีวิตเป็นชาวกัมพูชา จำนวน 1 ศพ
ผู้สื่อข่าวรายงานต่อไปว่า ขณะที่เจ้าหน้าที่กำลังทำการตรวจสอบพื้นที่อยู่นั้นปรากฏว่า ส่วนระวังป้องกันของชุดลาดตระเวน ได้ยินเสียงฝ่ายตรงข้ามจำนวนมากกำลังเคลื่อนที่เข้ามายังจุดเกิดเหตุ ทำให้เจ้าหน้าที่ทั้งหมดต้องทำการถอนตัวออกจากจุดเกิดเหตุ โดยได้นำของกลางออกจากจุดเกิดเหตุได้เฉพาะเลื่อยโซ่ยนต์เท่านั้น
นอกจากนี้ขณะที่ชุดลาดตระเวนกำลังถอนตัวออกจากที่เกิดเหตุจุดแรก ได้พบกลุ่มผู้ลักลอบตัดไม้ทำลายป่าชาวกัมพูชาอีกกลุ่มหนึ่ง กำลังทำการชักลากไม้สวนทางมา และเกิดการยิงตอบโต้กันอีกประมาณ 3 นาที กลุ่มผู้ลักลอบตัดไม้ชาวกัมพูชาได้วิ่งหลบหนีเข้าไปในเขตประเทศเพื่อนบ้าน ซึ่งชุดลาดตระเวนได้เข้าตรวจสอบที่เกิดเหตุ พบไม้พะยูง จำนวน 2 เหลี่ยม และจากการประเมินสถานการณ์แล้วเห็นว่าไม่ปลอดภัย จึงได้รีบถอนตัวออกจากพื้นที่เกิดเหตุ และเดินทางกลับถึงที่ตั้งฐานปฏิบัติการภูพะยอม และศพผู้เสียชีวิตยังไม่สามารถนำออกมาจากที่เกิดเหตุได้ ซึ่งจะมีการประสานงานกับกำลังทหาร เพื่อเข้าไปนำเอาศพชาวกัมพูชามาดำเนินการตามกฎหมายต่อไป
