บุรีรัมย์ - ชาวนา อ.พุทไธสง บุรีรัมย์ ระทมเร่งดำน้ำเกี่ยวข้าวที่ออกรวงใกล้เก็บเกี่ยวหวั่นจมน้ำเน่าตายเสียหายทั้งหมด หลังถูกน้ำเหนือจากโคราช และ ชัยภูมิ ไหลรวม “ลำสะแทด” เอ่อทะลักท่วมนาข้าวสูงกว่า 1 เมตร ทั้งอำเภอกว่า 2,000 ไร่ ขณะทางอำเภอ และ ทหาร นำเรือท้องแบน 2 ลำบริการรับ-ส่งเข้าออกหมู่บ้านน้ำท่วมถนนตัดขาด
วันนี้ (27 ก.ย.) ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ชาวนาบ้านโนนบ่อหลวง ต.หายโศก อ.พุทไธสง จ.บุรีรัมย์ ต้องดำน้ำที่ท่วมนาข้าวสูงกว่า 1 เมตร เพื่อเร่งเกี่ยวข้าวที่ออกรวงใกล้เก็บเกี่ยวใส่เรือขนขึ้นไปตากไว้บนที่สูง ทั้งตามสะพานและริมถนน หลังถูกน้ำเหนือจาก จ.นครราชสีมา และ จ.ชัยภูมิ ไหลบ่ามารวมกับลำสะแทด ก่อนไหลลงสู่ลำน้ำมูล ได้เอ่อล้นตลิ่งทะลักเข้าท่วมนาข้าวของเกษตรกรในเขตพื้นที่อำเภอพุทไธสง รวมกว่า 2,000 ไร่ ทั้งนี้ ถึงแม้ว่าข้าวที่ออกรวงยังไม่สุกแก่เต็มที่ก็ตาม เพราะหากเกษตรกรไม่เร่งเก็บเกี่ยวข้าวที่ถูกน้ำท่วมดังกล่าวก็จะเน่าตายเสียหายทั้งหมด
นอกจากนั้น น้ำยังได้เอ่อท่วมถนนที่เชื่อมต่อระหว่างบ้านโนนบ่อหลวง อ.พุทไธสง-บ้านครบุรี อ.เมืองยาง จ.นครราชสีมา สูงกว่า 1 เมตร เป็นระยะทางยาวกว่า 3 กิโลเมตร (กม.) ทำให้ชาวบ้านถูกตัดขาดจากโลกภายนอก จากกรณีดังกล่าวทางอำเภอพุทไธสง พร้อมด้วยจังหวัดทหารบก (จทบ.) บุรีรัมย์ ได้นำเรือท้องแบนจำนวน 2 ลำ มาคอยบริการรับ-ส่งชาวบ้าน และรถจักรยานยนต์ที่สัญจรไปมาเส้นทางดังกล่าว เพื่อบรรเทาความเดือดร้อนในเบื้องต้นแล้ว ทั้งนี้จากข้อมูลพบว่าในปีที่ผ่านมาในเขตพื้นที่ อ.พุทไธสง มีนาข้าวถูกน้ำท่วมเสียหายกว่า 18,000 ไร่ ต้องจ่ายเงินชดเชยช่วยเหลือให้กับเกษตรกรที่เดือดร้อนกว่า 38 ล้านบาท
นายวิกรานต์ บุญเจริญ นายอำเภอพุทไธสง กล่าวภายหลังนั่งเรือสำรวจสถานการณ์น้ำท่วมนาข้าวของเกษตรกร ว่า จากการสำรวจเบื้องต้นพบว่ามีนาข้าวที่กำลังตั้งท้องและออกรวงใกล้เก็บเกี่ยวถูกน้ำท่วมแล้วกว่า 2,000 ไร่ หากระดับไม่ลดลงภายใน 3-5 วัน จะเน่าตายเสียหาย ส่วนถนนที่ถูกน้ำท่วมตัดขาดนั้นได้นำเรือท้องแบบไปช่วยเหลือบริการชาวบ้านแล้ว แต่ยังไม่มีรายงานน้ำท่วมบ้านเรือน อย่างไรก็ตาม ได้กำชับให้ทางองค์การบริหารส่วนตำบล (อบต.) กำนัน ผู้ใหญ่บ้าน ในพื้นที่ ได้เร่งประชาสัมพันธ์ให้ชาวบ้านที่อาศัยอยู่ติดริมน้ำ ได้ขนย้ายสิ่งของขึ้นสู่ที่สูง เพื่อป้องกันความเสียหายจากน้ำท่วมระลอกใหม่ที่จะเข้ามาอีก