เกษตรกร 5 จังหวัดภาคเหนือตอนล่างพบ “มาร์ค” ช่วยทวงถามเงินประกันรายได้ชาวนา ด้านฝ่ายค้านเตรียมตั้งกระทู้สดจี้ถาม “ยิ่งลักษณ์” วันพฤหัสบดีนี้
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า เมื่อเวลา 11.00 น. แกนนำเครือข่ายชาวนาภาคเหนือตอนล่าง 5 จังหวัด นำโดยนายสมคิด บุษดี และนายกิตติศักดิ์ รัตนวราหะ ผู้ประสานงานเครื่อข่ายฯ ได้เข้าพบนายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ ผู้นำฝ่ายค้านในสภาผู้แทนราษฎร เพื่อขอให้ช่วงทวงถามเงินประกันรายได้ข้าวนาปีระหว่างเดือนพฤษภาคม 2554 ที่ยังไม่มีความคืบหน้า โดยทางเครือข่ายได้จัดประชุมแกนนำกว่า 1 พันคนที่ ต.ทุ่งใหญ่ อ.โพธิ์ประทับช้าง จ.พิจิตร เมื่อวันที่ 24 ก.ย.ที่ผ่านมา มีมติจะนำชาวนาทั่วประเทศเข้ากรุงเทพ เพื่อเรียกร้องให้รัฐบาลนำโครงการประกันรายได้ข้าวนาปี ระหว่างเดือนพฤษภาคม ถึงกันยายน 2554 เพื่อช่วยเหลือเกษตรกรก่อนที่จะเข้าสู่โครงการรับตำนำข้าวของรัฐบาลในวันที่ 7 ตุลาคม จึงขอให้นายอภิสิทธิ์ช่วยติดตามให้รัฐบาลทบทวนเรื่องดังกล่าวและเรงรัดอนุมัติงบประมาณชดเชยความเสียหายจากเพลี้ยกระโดดเป็นการเร่งด่วนด้วย
หลังรับหนังสือ นายอภิสิทธิ์ได้ชี้แจงกับตัวแทนชาวนาว่า ฝ่ายค้านได้ติดตามเรื่องนี้อย่างต่อเนื่องเพราะทราบถึงความเดือนร้อนของเกษตรกรที่บางส่วนจะไม่ได้รับประโยชน์จากทั้งโครงการจำนำข้าว และอาจไม่ได้รับเงินชดเชยไร่ละ 2,222 บาท เนื่องจากมีการเก็บเกี่ยวหนีน้ำไปแลว ทำให้ไม่เข้าเกณฑ์ที่จะได้รับเงินชดเชยเมื่อรัฐบาลยกเลิกโครงการประกันรายได้ ทำให้เกษตรกรไม่ได้เงินส่วนต่างที่เคยได้จากนโยบายรัฐบาลชุดที่แล้ว จึงได้หารือกับนายกฯเพื่อขอให้ทบทวนหรือจ่ายเงินชดเชยเป็นกรณีพิเศษให้แก่เกษตรกรเหล่านี้โดยไม่จำเป็นต้องเรียกว่าเงินส่วนต่างก็ได้ ซึ่งในวันพฤหัสบดีที่ 29 กันยายนนี้ ฝ่ายค้านจะตั้งกระทู้สดถามรัฐบาลถึงความคืบหน้าในเรื่องนี้อีกครั้ง หลังจากที่นายกรัฐมนตรีรับปากจะพิจารณาและมอบหมายให้นายกิตติรัตน์ ณ ระนอง รองนายกรัฐมนตรีเป็นผู้รับผิดชอบ
ด้านประธานเครือข่ายชาวนาภาคเหนือตอนล่าง กล่าวว่า อยากให้ฝ่ายค้านช่วยติดตามทวงเงินค่าส่วนต่างให้กับเกษตรกร ซึ่งเข้าใจว่าขณะนี้เป็นช่วงรอยต่อระหว่างการยกเลิกโครงการประกันรายได้เกษตรกรเข้าสู่โครงการจำนำข้าว แต่ขณะนี้มีปัญหาเกษตรกรเก็บเกี่ยวข้าวหนีน้ำจึงไม่มีผลผลิตเข้าโครงการรับจำนำข้าว ในขณะที่เกษตรกรได้ลงทุนจนเป็นหนี้เป็นสินไปแล้ว จึงอยากได้เงินส่วนนี้ไปใช้จ่ายเพื่อบรรเทาความเดือดร้อน โดยเงินส่วนต่างในพื้นที่ภาคเหนือตอนล่างคิดเป็นงบประมาณ 2 พันกว่าล้านบาทตามจำนวนของเกษตรกรที่ลงทะเบียนกับรัฐ ซึ่งหากรัฐบาลไม่ต้องการใช้คำว่า “เงินส่วนต่าง” จะใช้คำพูดอื่นก็ได้ แต่ขอให้ช่วยเหลือเกษตรกรเพราะได้รับความเดือดร้อนจริงๆ