เชียงราย - ปชป.ลุยภาคเหนือ ยกคณะลงปลายนา ตั้งวงคุยชาวบ้าน “แม่เลี้ยงติ๊ก” บอกนโยบายจำนำข้าว - บัตรเครดิตชาวนา เป็นนโยบายฉาบฉวยเหมือน 30 บาทรักษาทุกโรค สนับสนุนชาวบ้านเป็นหนี้เหมือนกองทุนหมู่บ้าน สุดท้ายก็ต้องใช้ภาษี ปชช.มาแก้ปัญหาให้อีก
วันนี้ (16 ก.ย.54) นางศิริวรรณ ปราศจากศัตรู หรือ "แม่เลี้ยงติ๊ก" รองหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ และประธานคณะทำงานพรรคประชาธิปัตย์ภาคเหนือ ได้นำคณะเดินทางไปยัง จ.เชียงราย เพื่อจัดประชุมสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร (ส.ส.) อดีต ส.ส.ผู้สมัคร ส.ส.ในนามพรรคประชาธิปัตย์ในการเลือกตั้งที่ผ่านมาและผู้ที่เกี่ยวข้อง ณ โรงแรม โพธิ์วดลรีสอร์ท อ.เมืองเชียงราย เพื่อกำหนดยุทธศาสตร์และวิธีการทำงานของพรรคในพื้นที่ 16 จังหวัดภาคเหนือภายหลังพ่ายแพ้การเลือกตั้ง ส.ส.เมื่อวันที่ 3 ก.ค.54 ที่ผ่านมา
ก่อนการประชุมนางศิริวรรณ ได้พาคณะแกนนำหลายคน เช่น นายกษิต ภิรมย์ อดีต รมว.กระทรวงการต่างประเทศ ,นายบุญยอด สุขถิ่นไทย รวมถึงนักการเมืองในพื้นที่ เช่น นายสมพงค์ อันพาพรม อดีตผู้สมัคร ส.ส.เขต 1 เชียงราย ฯลฯ เดินทางไปยังอาคารเอนกประสงค์กลางทุ่งนา หมู่บ้านป่าซาง ม.2 ต.บ้านดู่ อ.เมือง เพื่อพบปะกับชาวนาที่กำลังทำนาอยู่ประมาณ 20 คน โดยมีการพูดคุยหารือกับบรรดาชาวนาเกี่ยวกับสถานการณ์การทำนา ต้นทุน ผลผลิต ราคา รวมไปถึงการเปรียบเทียบมาตรการการรับประกันราคาข้าว ซึ่งรัฐบาลชุดปัจจุบันกำลังเปลี่ยนมาใช้การรับจำนำราคาแทน
ในการพบปะดังกล่าว ชาวนาหลายคนได้แจ้งถึงสภาพปัญหาที่พวกเขาเคยพบมานาน เช่น ต้นทุนสูงไร่ละกว่า 5,000-5,200 บาท แต่ขายข้าวแทบไมได้กำไร ปัญหาศัตรูพืช ฯลฯ ซึ่งนางศิริวรรณ และตัวแทนพรรคที่เข้าร่วมพบปะได้พยายามระบุว่า มาตรการของรัฐบาลชุดปัจจุบัน ไม่สามารถแก้ไขปัญหาได้
นางศิริวรรณ ระบุถึงนโยบายบัตรเครดิตเกษตรกรว่า เป็นเพียงการพูดให้ดูงาม คล้ายนโยบาย 30 บาทรักษาทุกโรค ซึ่งทำให้ประชาชนประทับใจ ทั้งที่แท้จริงนโยบายของพรรคประชาธิปัตย์คือการรักษาฟรี ซึ่งดีกว่า รวมทั้งบัตรเครดิตเกษตรกร จะมีการกำหนดยี่ห้อ ราคา สถานที่ ฯลฯ สินค้าที่ต้องซื้อไปใช้ ทำให้เกษตรกรไม่มีทางเลือกอย่างเสรี
ขณะที่นายกษิต กล่าวว่า ถ้าพรรคประชาธิปัตย์เป็นรัฐบาลจะทำให้ค่าแรงสูงกว่าในปัจจุบันที่อยู่ที่วันละประมาณ 200 บาท ขึ้นอีก 20-30 บาท ขณะที่นโยบายบัตรเครดิตเกษตรกรเป็นการทำลายอาชีพค้าขายระหว่างชาวบ้าน เพราะจะกำหนดให้ซื้อสินค้าต่างๆ อยู่ตลอดเวลาเป็นการส่งเสริมให้คนใช้จ่ายเกินตัวจนเป็นหนี้สินล้นพ้นตัว เมื่อเกิดปัญหาขึ้นก็จะซ้ำรอยนโยบายกองทุนหมู่บ้าน เมื่อเกิดหนี้สินล้นรัฐบาลก็จะนำงบประมาณไปแก้ไข ซึ่งก็มาจากภาษีที่ประชาชนเสียไปนั่นเอง
นางศิริวรรณ กล่าวว่า จากการรับฟังปัญหาของชาวบ้านทราบว่าต้องการให้มีการใช้มาตรการรับประกันราคาแบบเดิมมากกว่าการเปลี่ยนมาใช้การรับจำนำราคาข้าว ดังนั้นจะนำข้อคิดเห็นจากชาวบ้านเข้าไปปรึกษาหารือในคณะทำงานภาคเหนือและพรรค เพื่อดำเนินการตามความประสงค์ของชาวบ้านต่อไป
ขณะเดียวกันต่อไปนี้คณะทำงานจะเน้นออกไปพบปะกับประชาชนทุกจังหวัดอย่างต่อเนื่อง เพื่อรับฟังปัญหาและปรึกษาหารือเรื่องต่างๆ ต่อไป