ศูนย์ข่าวศรีราชา - โรงพยาบาลพญาไทศรีราชา ทุ่มงบอีก 160 ล้านบาท ผุดอาคารผู้ป่วยหลังใหม่ขนาด 100 เตียง พร้อมเปิดให้บริการช่วงกลางปีหน้า หลังพบยอดคนไข้ OPD มีเฉลี่ย 1.6 พันคนต่อวัน หรือโตขึ้นจากช่วงเดียวกันของปีก่อนประมาณ 7% ชี้ ปัจจัยสำคัญมาจากการภาวะเศรษฐกิจในพื้นที่ที่เติบโตต่อเนื่อง ส่งผลให้ประชาชนหันมาตรวจเช็กสุขภาพกันมากขึ้น ชี้ตัวเลขผลประกอบการตลอดปี 2554 น่าจะมีไม่ต่ำกว่า 1.7 พันล้านบาท
นางพิกุล สีนวลสด ผู้อำนวยการบริหาร โรงพยาบาลพญาไทศรีราชา เผยถึงการดำเนินงานของโรงพยาบาลในปี 2554 ว่า ตัวเลขผลประกอบการโดยรวมตลอดทั้งปีน่าจะมีไม่ต่ำกว่า 1.7 พันล้านบาท ซึ่งถือเป็นตัวเลขที่ตรงตามเป้าหมายที่กำหนดไว้จากฐานคนไข้ที่เพิ่มมากขึ้น โดยเฉพาะในช่วงไตรมาสสุดท้ายของปีที่คาดว่าจะมีคนไข้เข้ามาใช้บริการในศูนย์เฉพาะทางที่เปิดขึ้นแบบครบวงจร ซึ่งก็เป็นไปตามพฤติกรรมการดูแลตนเองของกลุ่มคนไข้ในจังหวัดชลบุรีและภาคตะวันออก ที่หันมาใส่ในการตรวจสุขภาพมากยิ่งขึ้น
ทั้งนี้ ในช่วง 3 ไตรมาสของปี 2554 ตัวเลขคนไข้กลุ่ม OPD มีเฉลี่ย 1.6 พันคนต่อวัน เติบโตขึ้นจากช่วงเดียวกันของปีก่อนที่มีฐานคนไข้เฉลี่ย 1.3 พันคนต่อวัน หรือเฉลี่ยเติบโตขึ้นประมาณ 7%
จากการขยายตัวของฐานคนไข้ที่เพิ่มมากขึ้นซึ่งในปี 2555 คาดว่า คนไข้กลุ่ม OPD จะมีเฉลี่ยไม่น้อยกว่า 2 พันคนต่อวัน ทำให้โรงพยาบาลฯ ต้องทุ่มงบประมาณอีก 160 ล้านบาท เพื่อขึ้นอาคารผู้ป่วยขนาด 7 ชั้นหลังใหม่ให้สามารถรองรับการเข้าพักของกลุ่มผู้ป่วยได้เพิ่มอีก 100 เตียง โดยใช้พื้นที่หอพักพยาบาลและพนักงาน พัฒนาเป็นอาคารผู้ป่วยและคาดว่าน่าจะเปิดให้บริการในช่วงกลางปีหน้า โดยจะย้ายศูนย์ไตเทียม และศูนย์รักษาโรคทางเดินอาหาร เข้าไปอยู่ในอาคารหลังใหม่นี้ด้วย
“จากภาวะเศรษฐกิจที่ขยายตัวในพื้นที่ภาคตะวันออกและจังหวัดชลบุรี ทำให้พฤติกรรมการดูแลสุขภาพของคนในพื้นที่เปลี่ยนไป คือ หันมาให้ความสนใจในการเฝ้าระวัง มากกว่าการรักษาจะเห็นได้จากการเข้ามารับบริการฉีดวัคซีนต่างๆ โดยเฉพาะวัคซีนป้องกันโรคไข้หวัดใหญ่ 2009 ของประชาชนที่มีมากขึ้นในปีนี้ ซึ่งขณะนี้ศูนย์เฉพาะทางที่สามารถสร้างรายได้เข้าโรงพยาบาลฯได้มากที่สุด คือ ศูนย์รักษาผู้มีบุตรยาก ขณะที่ศูนย์อายุรกรรม เป็นศูนย์ที่มีกลุ่มคนไข้เข้ามาใช้บริการมากที่สุด”
นางพิกุล ยังเผยอีกว่า ในปี 2555 โรงพยาบาลพญาไทศรีราชา จะทุ่มงบประมาณในการนำเทคโนโลยีที่สามารถตรวจโคโมโซมได้ทุกชนิดเข้ามาใช้ เพื่อเพิ่มงานบริการเกี่ยวกับการรักษาผู้มีบุตรยากให้มีประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้น หลังที่ผ่านมา ศูนย์ดังกล่าวได้รับการยอมรับให้เป็นศูนย์รักษาผู้มีบุตรยากที่มีเทคโนโลยีทันสมัยเป็น 1 เดียวในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้
นางพิกุล สีนวลสด ผู้อำนวยการบริหาร โรงพยาบาลพญาไทศรีราชา เผยถึงการดำเนินงานของโรงพยาบาลในปี 2554 ว่า ตัวเลขผลประกอบการโดยรวมตลอดทั้งปีน่าจะมีไม่ต่ำกว่า 1.7 พันล้านบาท ซึ่งถือเป็นตัวเลขที่ตรงตามเป้าหมายที่กำหนดไว้จากฐานคนไข้ที่เพิ่มมากขึ้น โดยเฉพาะในช่วงไตรมาสสุดท้ายของปีที่คาดว่าจะมีคนไข้เข้ามาใช้บริการในศูนย์เฉพาะทางที่เปิดขึ้นแบบครบวงจร ซึ่งก็เป็นไปตามพฤติกรรมการดูแลตนเองของกลุ่มคนไข้ในจังหวัดชลบุรีและภาคตะวันออก ที่หันมาใส่ในการตรวจสุขภาพมากยิ่งขึ้น
ทั้งนี้ ในช่วง 3 ไตรมาสของปี 2554 ตัวเลขคนไข้กลุ่ม OPD มีเฉลี่ย 1.6 พันคนต่อวัน เติบโตขึ้นจากช่วงเดียวกันของปีก่อนที่มีฐานคนไข้เฉลี่ย 1.3 พันคนต่อวัน หรือเฉลี่ยเติบโตขึ้นประมาณ 7%
จากการขยายตัวของฐานคนไข้ที่เพิ่มมากขึ้นซึ่งในปี 2555 คาดว่า คนไข้กลุ่ม OPD จะมีเฉลี่ยไม่น้อยกว่า 2 พันคนต่อวัน ทำให้โรงพยาบาลฯ ต้องทุ่มงบประมาณอีก 160 ล้านบาท เพื่อขึ้นอาคารผู้ป่วยขนาด 7 ชั้นหลังใหม่ให้สามารถรองรับการเข้าพักของกลุ่มผู้ป่วยได้เพิ่มอีก 100 เตียง โดยใช้พื้นที่หอพักพยาบาลและพนักงาน พัฒนาเป็นอาคารผู้ป่วยและคาดว่าน่าจะเปิดให้บริการในช่วงกลางปีหน้า โดยจะย้ายศูนย์ไตเทียม และศูนย์รักษาโรคทางเดินอาหาร เข้าไปอยู่ในอาคารหลังใหม่นี้ด้วย
“จากภาวะเศรษฐกิจที่ขยายตัวในพื้นที่ภาคตะวันออกและจังหวัดชลบุรี ทำให้พฤติกรรมการดูแลสุขภาพของคนในพื้นที่เปลี่ยนไป คือ หันมาให้ความสนใจในการเฝ้าระวัง มากกว่าการรักษาจะเห็นได้จากการเข้ามารับบริการฉีดวัคซีนต่างๆ โดยเฉพาะวัคซีนป้องกันโรคไข้หวัดใหญ่ 2009 ของประชาชนที่มีมากขึ้นในปีนี้ ซึ่งขณะนี้ศูนย์เฉพาะทางที่สามารถสร้างรายได้เข้าโรงพยาบาลฯได้มากที่สุด คือ ศูนย์รักษาผู้มีบุตรยาก ขณะที่ศูนย์อายุรกรรม เป็นศูนย์ที่มีกลุ่มคนไข้เข้ามาใช้บริการมากที่สุด”
นางพิกุล ยังเผยอีกว่า ในปี 2555 โรงพยาบาลพญาไทศรีราชา จะทุ่มงบประมาณในการนำเทคโนโลยีที่สามารถตรวจโคโมโซมได้ทุกชนิดเข้ามาใช้ เพื่อเพิ่มงานบริการเกี่ยวกับการรักษาผู้มีบุตรยากให้มีประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้น หลังที่ผ่านมา ศูนย์ดังกล่าวได้รับการยอมรับให้เป็นศูนย์รักษาผู้มีบุตรยากที่มีเทคโนโลยีทันสมัยเป็น 1 เดียวในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้
