xs
xsm
sm
md
lg

“พ่อคูณ” อาการดีขึ้น แพทย์รอคำตอบลูกศิษย์ เร่งเจาะท้องให้อาหาร

เผยแพร่:   โดย: MGR Online

หลวงพ่อคูณ ปริสุทโธ เจ้าอาวาสวัดบ้านไร่ พักรักษาอาพาธวัณโรคปอด ที่ รพ.มหาราชนครราชสีมา มานาน 4 เดือน อาการดีขึ้น แต่มีปัญหาฉันน้อยและสำลักทำให้ติดเชื้อซ้ำซ้อน วันนี้ ( 1ก.ย.)
ศูนย์ข่าวนครราชสีมา - อาการอาพาธ “หลวงพ่อคูณ” ดีขึ้น แพทย์ระบุจำเป็นต้องเจาะหน้าท้องให้อาหารเหลวผ่านทางสายยางโดยเร็ว หากเนิ่นนานอาจเกิดภาวะแทรกซ้อนขึ้นได้ และทำให้หลวงพ่อเสียประโยชน์ ชี้ผ่าตัดเจาะท้องและเฝ้าดูอาการใช้เวลา 1 เดือน ระบุ รอความชัดเจนจากลูกศิษย์-ทางจังหวัด ยันแพทย์ รพ.ศิริราช จะเดินทางมาทำให้ที่โคราช หากต้องการย้ายต้องประสาน รพ.ศิริราช ให้ตอบรับเอง

วันนี้ (1 ก.ย.) ผู้สื่อข่าวรายงานความคืบหน้าอาการอาพาธของพระเทพวิทยาคม หรือ หลวงพ่อคูณ ปริสุทโธ เจ้าอาวาสวัดบ้านไร่ ต.กุดพิมาน อ.ด่านขุนทด จ.นครราชสีมา ซึ่งพักรักษาอาการอาพาธวัณโรคปอด อยู่ที่ห้องผู้ป่วยพิเศษ วีไอพี 9821 อาคารเฉลิมพระเกียรติ ชั้น 8 โรงพยาบาลมหาราชนครราชสีมา อ.เมือง จ.นครราชสีมา ตั้งแต่วันที่ 4 พ.ค.ที่ผ่านมา เป็นระยะเวลานานร่วม 4 เดือนแล้วตามข่าวที่เสนอไปอย่างต่อเนื่อง นั้น

ล่าสุด วันนี้ เมื่อเวลา 10.00 น.นพ.พินิศจัย นาคพันธุ์ แพทย์ผู้เชี่ยวชาญด้านโรคหัวใจและหลอดเลือดโรงพยาบาลมหาราชนครราชสีมา และ แพทย์ประจำตัวหลวงพ่อคูณ ได้เดินทางเข้าตรวจอาการของหลวงพ่อ ซึ่งเมื่อคืนที่ผ่านมาหลวงพ่อจำวัดได้ดี อาการอ่อนเพลียลดลง สีหน้าสดชื่นกว่าช่วง 2 วันที่ผ่านมา แพทย์ยังคงใส่สายยางเพื่อให้อาหารเหลวผ่านช่องจมูก อาการโดยรวมดีขึ้น ไม่มีภาวะแทรกซ้อน ความดันปกติ และภาวะอาการสำลักลดลง

นพ.พินิศจัย นาคพันธุ์ เปิดเผยว่า อาการหลวงพ่อคูณวันนี้ดีขึ้นชัดเจน รู้ตัวรับรู้ได้ดี ถามตอบพูดคุยได้ รับอาหารที่ให้ทางสายยางได้หมดทุกครั้ง ไม่มีไข้ เสมหะลดลงไปมาก น้ำหนักตัวอยู่ 40 กิโลกรัม (กก.) แต่สิ่งที่เราเป็นห่วงยังเป็นเรื่องเดิมคือโรคประจำตัวหลวงพ่อที่เป็นพื้นฐานอยู่แล้ว ทั้งเส้นเลือดหัวใจตีบทำบายพาสมาแล้ว 5 เส้น ที่โรงพยาบาลศิริราชเมื่อ 12 ปีก่อน, หัวใจเต้นผิดจังหวะมีโอกาสเกิดเส้นเลือดอุดตันในสมองได้ทุกเมื่อ เส้นเลือดสมองตีบและแตกต้องผ่าตัดเอาเลือดคั่งในสมองออกเมื่อ 7 ปีก่อนที่โรงพยาบาลศิริราช, ถุงลมโป่งพอง, โรคเบาหวาน และวัณโรคปอด ซึ่งเกิดภาวะติดเชื้อซ้ำซ้อนถึง 3 รอบแล้ว ประกอบกับขณะนี้อายุมากถึง 88 ปีแล้ว ทำให้ต้องเป็นห่วงท่านอยู่ตลอดเวลา แต่โดยภาพรวมถือว่าดีขึ้น ส่วนวัณโรคปอดยังต้องรักษาให้ยาต่อเนื่องไปทั้งหมดอย่างน้อย 1 ปี 6 เดือน

ส่วนหลวงพ่อคูณต้องพักรักษาที่โรงพยาบาลมานานถึง 4 เดือน นั้น นพ.พินิศจัย กล่าวว่า พวกเราทางแพทย์ เห็นว่าภาวะการรักษาตั้งแต่วันที่ 4 พ.ค.มาจนถึงวันนี้ว่าไปแล้วสำหรับวัณโรคปอดถือว่านอนโรงพยาบาลนาน แต่ภาวะแทรกซ้อนที่เกิดขึ้นระหว่างการรักษาไม่ว่าจะเป็นการรับยาสูตรแรกไม่ได้ต้องเปลี่ยนสูตร เกิดภาวะน้ำตาลต่ำ หัวใจมีปัญหา และที่สำคัญมีปัญหาปอดติดเชื้อจากการสำลักหลายต่อหลายครั้งนั้น พวกเราคณะแพทย์เข้าใจได้

แต่อย่างไรก็ตาม ตนเชื่อว่า พี่น้องประชาชนศิษยานุศิษย์และลูกศิษย์บางทีอาจคิดว่าทำไมหลวงพ่อนอนรักษาตั้ง 4 เดือนแล้ว ยังไม่หายและกลับวัดสักที ตนอยากเรียนว่า หลวงพ่อคูณดีขึ้นแล้ว โดยเฉพาะเรื่องวัณโรคปอด แต่ตอนนี้หลวงพ่อมีปัญหาเรื่องหนึ่ง คือ การฉันอาหาร และทุกฝ่ายไม่ว่าทางโรงพยาบาลมหาราชนครราชสีมา อาจารย์แพทย์ผู้ใหญ่ทางโรงพยาบาลรามา และโรงพยาบาลศิริราช เห็นพ้องต้องกันได้ข้อสรุปว่า หลวงพ่อฉันเองไม่พอ ฉะนั้นต้องให้อาหารทางสายยางโดยตลอด แต่วิธีที่ให้ควรผ่านทางหน้าท้อง ซึ่งสายยางมีขนาดเล็กกว่าสายที่ใส่ทางจมูก ใส่แล้วปิดมิดชิดสามารถไปไหนมาไหนได้ และรู้สึกดี ซึ่งทางโรงพยาบาลรามาได้แนะนำแนวทางนี้มาก่อนหน้านี้ 3 เดือนแล้ว เรื่องนี้เราไม่ต้องบอกให้ทางโรงพยาบาลศิริราชมาทำให้ แต่ทางโรงพยาบาลศิริราช ยืนยันว่า จะมาทำให้เอง

ทั้งนี้ การเจาะใส่สายยางหน้าท้องต้องใส่ไปตลอดชีวิต ซึ่งการรักษานั้นเราพยายามรักษาแบบประคับประคองอนุรักนิยมที่สุด เพื่อที่จะไม่ทำอะไรหากไม่จำเป็น แต่มาถึงวันนี้การเจาะท้องให้อาหารผ่านทางสายยางนี้คงเลี่ยงไม่ได้ เพราะไม่อย่างนั้นจะเป็นผลเสียกับหลวงพ่อ เพื่อให้ลดภาวะสำลักซึ่งเป็นข้อดีตรงนี้ แต่ไม่ได้ทำให้ภาวะนี้หมดไป

“เรื่องการเจาะหน้าท้องนั้น ความจริงแล้วทางโรงพยาบาลศิริราชให้คำตอบมาตั้งแต่วันศุกร์ 26 ส.ค.ที่ผ่านมาแล้ว ว่า จะเอาคณะแพทย์ขึ้นมาทำหัตถการให้ แต่ช่วงนี้เรารอความพร้อมของทางจังหวัดนครราชสีมา และลูกศิษย์เพราะมีเสียงบางคนว่าอยากจะย้ายหลวงพ่อไปทำที่โรงพยาบาลศิริราช กรุงเทพฯ เราคณะแพทย์ที่ดูแลท่านก็กำลังรออยู่ว่าจะเอากันอย่างไร แต่หากเนิ่นนานออกไปอาจเกิดภาวะอะไรขึ้นมาจะทำให้ท่านเสียประโยชน์ได้” นพ.พินิศจัย กล่าว

ต่อข้อถามกรณี ทางจังหวัดนครราชสีมา โดย นายระพี ผ่องบุพกิจ ผู้ว่าราชการจังหวัดนครราชสีมา และบรรดาลูกศิษย์ รวมทั้งกรรมการวัดบ้านไร่ ต้องการนำหลวงพ่อคูณ ไปทำที่โรงพยาบาลศิริราช ทางแพทย์เรามีความเห็นอย่างไร นพ.พินิศจัย ตอบว่า ความคิดเห็นที่จะขึ้นมาทำให้ที่โรงพยาบาลมหาราชนครราชสีมา นั้น เป็นความคิดเห็นของคณะแพทย์โรงพยาบาลศิริราช ทางคณะแพทย์โรงพยาบาลมหาราชฯ เรามีหน้าที่รับคำสั่งอย่างเดียวจากทางโรงพยาบาลศิริราช ซึ่งไม่ว่าจะไปที่กรุงเทพฯ หรือที่โรงพยาบาลมหาราชฯ ก็ไม่มีปัญหา หากทางลูกศิษย์คุยกับทางโรงพยาบาลศิริราชให้รับหลวงพ่อไปได้เราก็ไม่มีปัญหา แต่จะให้แพทย์เราไปคุยไม่ได้

อย่างไรก็ตาม ตนเชื่อว่า ทางโรงพยาบาลศิริราช เอาหลวงพ่อเป็นศูนย์กลางว่าดีที่สุดสำหรับท่านควรจะทำอย่างไร ซึ่งปรกติไม่เคยพบว่าโรงพยาบาลศิริราชจะขึ้นมาทำให้ในต่างจังหวัดเช่นนี้มาก่อน ส่วนจะมาได้เมื่อใด นั้นคงต้องรอความชัดเจนจากทางจังหวัด และลูกศิษย์

นายพินิศจัย กล่าวอีกว่า เรื่องการผ่าตัดเจาะให้อาหารผ่านสายยางทางหน้าท้อง นั้น สมมติว่าตัดสินใจทำวันนี้ ต้องเตรียมหลวงพ่อให้หยุดยาบางตัวเพราะตอนนี้ฉันยาละลายเลือดอยู่ก็ต้องหยุดยา 1 สัปดาห์ กว่าจะได้ทำก็อีกสัปดาห์ถัดไป และทำแล้วต้องเฝ้าดูอาการอีก 1-2 สัปดาห์ รวมแล้วอย่างน้อยประมาณ 1 เดือนถึงจะสรุปอาการได้ว่ามีอะไรแทรกซ้อนมาอีกหรือไม่ เรียบร้อยดีหรือเปล่า

ฉะนั้น ถ้าเราตัดสินใจช้าการที่หลวงพ่อจะได้ประโยชน์จากสิ่งที่ควรจะต้องทำก็จะทำให้ท่านช้าไปอีก เพราะการมีสายยางในช่องจมูกสำหรับหลวงพ่อนอกจากจะสร้างความรำคาญให้ท่านแล้วยังทำให้มีโอกาสสำลักมากกว่าการที่ผ่าตัดให้อาหารทางหน้าท้อง โดยเฉพาะมีโอกาสมากที่ท่านจะหายและสามารถกลับวัดบ้านไร่ ได้เร็วขึ้น

“จริงๆ แล้วขอเรียนว่าการรักษาวัณโรคปอดหายแล้วก็กลับวัดได้เลย แต่ปัญหาตอนนี้ คือ หลวงพ่อคูณฉันได้น้อยและสำลักจึงต้องอยู่โรงพยาบาลต่อไป เพื่อแก้ไขให้ได้ก่อน” นพ.พินิศจัย กล่าว


กำลังโหลดความคิดเห็น