xs
xsm
sm
md
lg

“พ่อคูณ”อาการทรุด นน.ลดฮวบ แพทย์ต้องเจาะท้องให้อาหาร

เผยแพร่:   โดย: MGR Online

“หลวงพ่อคูณ” อาวาสวัดบ้านไร่ อ.ด่านขุนทด จ.นครราชสีมา พักรักษาอาพาธอยู่ที่ รพ.มหาราชนครราชสีมา นานเกือบ 4 เดือนแล้ว
ศูนย์ข่าวนครราชสีมา - ผู้ว่าฯโคราช เผย “พ่อคูณ”อาการทรุด น้ำหนักลด 2-3 กก. สำลักอาหาร-ฉันไม่ได้ ต้องเจาะหน้าท้องให้อาหารทางกระเพาะโดยตรง อ้างแพทย์-ลูกศิษย์ลงความเห็นให้ย้ายไปรักษาที่รพ.ศิริราช อยู่ระหว่างการประสานพร้อมย้ายทันที ด้านแพทย์เผยรพ.ศิริราชระบุจะส่งทีมอาจารย์แพทย์ขึ้นมารักษาหลวงพ่อคูณ ที่รพ.มหาราชนครราชสีมา แต่ทั้งนี้ขึ้นอยู่กับการตัดสินใจของบรรดาลูกศิษย์และเหล่าบิ๊กๆทั้งหลาย

วานนี้( 30 ส.ค.)นายระพี ผ่องบุพกิจ ผู้ว่าราชการจังหวัดนครราชสีมา เปิดเผยถึงอาการอาพาธของ พระเทพวิทยาคม หรือ หลวงพ่อคูณ ปริสุทโธ เจ้าอาวาสวัดบ้านไร่ ต.กุดพิมาย อ.ด่านขุนทด จ.นครราชสีมา ซึ่งพักรักษาอยู่ที่โรงพยาบาลมหาราชนครราชสีมา อ.เมือง จ.นครราชสีมา ด้วยโรควัณโรคปอด เป็นเวลานานเกือบ 4 เดือน ว่า อาการโดยรวมยังทรง ๆ ทรุด ๆ และที่น่าห่วงคือ เมื่อคืนที่ผ่านมา หลวงพ่อคูณเกิดอาการสำลักอาหาร ทำให้ฉันภัตตาหารไม่ได้ และน้ำหนักตัวลดลงประมาณ 2-3 กิโลกรัม(กก.) คณะแพทย์โรงพยาบาลมหาราชนครราชสีมา จึงอยากให้นิมนต์หลวงพ่อคูณไปเจาะหน้าท้องเพื่อให้อาหารทางกระเพาะที่โรงพยาบาลศิริราช กรุงเทพฯ

ขณะนี้อยู่ระหว่างการประสานกับโรงพยาบาลศิริราชเพื่อส่งตัวหลวงพ่อคูณเข้าไปรักษา ซึ่ง โรงพยาบาลศิริราชยังไม่ตอบรับกลับมา การที่หลวงพ่อคูณฉันภัตตาหารไม่ได้ทำให้แพทย์ต้องกลับมาใส่สายยางให้อาหารเหลวผ่านเข้าทางโพรงจมูกอีกครั้ง คณะแพทย์และลูกศิษย์ ซึ่งผู้ว่าราชการจังหวัดนครราชสีมา เป็นประธานจึงลงความเห็นร่วมกันว่าควรจะไปเจาะหน้าท้องให้อาหาร ที่ โรงพยาบาลศิริราช กรุงเทพฯ ดีกว่า

“ปัญหาตอนนี้คือ หลวงพ่อคูณฉันภัตตาหารด้วยตัวเองไม่ได้เนื่องจากเกิดอาการสำลัก และจำเป็นจะต้องเจาะท้องเพื่อให้อาหารทางกระเพาะโดยตรง แต่การเจาะท้องค่อนข้างอันตรายเพราะเสี่ยงกับการติดเชื้อ ฉะนั้นแพทย์และลูกศิษย์จึงอยากให้ทาง โรงพยาบาลศิริราช ดำเนินการจะดีกว่า” นายระพี กล่าว

ส่วนเมื่อเวลา 11.00 น.วันเดียวกัน ที่ห้อง 9821 อาคารเฉลิมพระเกียรติ ชั้น 8 โรงพยาบาลมหาราชนครราชสีมา คณะแพทย์ นำโดย นพ.พินิศจัย นาคพันธุ์ แพทย์ผู้เชี่ยวชาญโรคหัวใจและหลอดเลือดโรงพยาบาลมหาราชนครราชสีมา และแพทย์ประจำตัวหลวงพ่อคูณ ได้เข้าตรวจอาการ หลวงพ่อคูณใช้เวลาประมาณ 30 นาที

นพ.พินิศจัย นาคพันธุ์ เปิดเผยว่า อาการอาพาธของหลวงพ่อคูณมีปัญหาล่าสุดเมื่อวันที่ 19 ส.ค. โดยมีอาการสำลักและติดเชื้อในปอดขึ้นอีกครั้ง จากนั้นแพทย์ได้ให้ยาปฏิชีวนะทางหลอดเลือดดำ เพื่อรักษาภาวะปอดบวมจากการสำลัก อาการก็ดีขึ้นมาเรื่อยๆ ซึ่งในวันที่ 19 ส.ค. ที่หลวงพ่อเกิดปัญหา อาจารย์แพทย์จากโรงพยาบาลศิริราช ได้เดินทางมาช่วยดูอาการพอดี และสามารถหยุดให้ยาฆ่าเชื้อได้เมื่อวันที่ 28 ส.ค.ที่ผ่านมา

ทั้งนี้สาแหตุสำลักเกิดจากปัจจัย 1.อายุมาก 2.เคยมีปัญหาเส้นเลือดสมองตีบและเส้นเลือดสมองแตกที่รุนแรงต้องผ่าตัดเมื่อ 7 ปีก่อน ทำให้กลไกการกลืนผิดปกติมีอาการลำลักได้ง่าย ส่วนอาการติดเชื้อที่ปอดตอนนี้ดีขึ้นแล้ว

ต่อข้อถามกรณีหลวงพ่อไม่ยอมฉันมีอาการสำลักบ่อยครั้ง จำเป็นต้องเจาะหน้าท้องเพื่อให้อาหารโดยตรงสู่กระเพาะต้องส่งตัวไปรักษาที่โรงพยาบาลศิริราช กรุงเทพฯ หรือไม่ นพ.พินิศจัย กล่าวว่า มาถึง ณ วันนี้ที่เราได้คำตอบคือทุกคนเห็นพ้องต้องกันว่า หากให้หลวงพ่อฉันอาหารเองไม่เพียงพอแน่ เพราะฉันได้น้อย น้ำหนักจะลดลงเรื่อยๆ และมีเรื่องของภาวะสำลักเพราะมีปัญหาเกี่ยวกับการกลืน ซึ่งท่านเข้าพักรักษาที่โรงพยาบาลมหาราชฯ ตั้งแต่วันที่ 4 พ.ค. เป็นต้นมา รวมเกือบ 4 เดือน ก็มีปัญหาปอดบวมจากการสำลัก 3 รอบแล้ว

ฉะนั้นคณะแพทย์ และลูกศิษย์รวมทั้งผู้ใหญ่ที่ดูแลท่านและโรงพยาบาลศิริราช ทุกคนเห็นพ้องต้องกันว่า หลวงพ่อคงจะต้องได้รับอาหารทางสายยางและดีที่สุดคงให้อาหารทางสายยางผ่านทางหน้าท้อง ซึ่งเรื่องนี้คณะแพทย์และคณะลูกศิษย์รวมทั้งผู้ว่าราชการจังหวัดนครราชสีมา และรองผู้ว่าฯ ได้เคยร่วมประชุมกันแล้ว โดยได้ข้อสรุปว่า หากมีปัญหาดังกล่าวอีก เราจะส่งหลวงพ่อคูณไปยังโรงพยาบาลศิริราช ปรากฏว่า ในวันที่ 19 ส.ค.หลวงพ่อเกิดปัญหาขึ้นมาอีก และโรงพยาบาลศิริราชได้มาดูอาการและกลับไปปรึกษากัน และให้คำตอบมาว่า หลวงพ่อคงต้องให้อาหารทางสายยางผ่านทางหน้าท้อง

ทั้งนี้ สำหรับการเจาะให้อาหารทางสายยางผ่านหน้าท้อง โรงพยาบาลมหาราชนครราชสีมาสามารถทำได้อยู่แล้ว แต่โรงพยาบาลศิริราช แสดงเจตจำนงว่าจะนำทีมคณะแพทย์ขึ้นมาทำให้ ที่โรงพยาบาลมหาราชฯ ซึ่งเป็นเรื่องที่โรงพยาบาลศิริราช ให้คำตอบเรามาอย่างนี้ แต่เท่าที่ทราบยังมีความเห็นไม่ตรงกันในหมู่ลูกศิษย์รวมทั้งผู้ใหญ่ในบ้านเมือง ที่ต้องการให้หลวงพ่อคูณเข้าไปทำการรักษาที่โรงพยาบาลศิริราช กรุงเทพฯ

“ ตอนนี้เราก็เลยต้องรอคำตอบของทางศิษยานุศิษย์ ว่าจะมีแนวโน้มกันอย่างไร แต่ความจริงโรงพยาบาลศิริราช ให้คำตอบมาแล้วว่า แนวทางการรักษา น่าจะเป็นการให้อาหารทางสายยางผ่านทางหน้าท้องในระยะยาว และยินดีที่จะขึ้นมาช่วยทำให้ที่โรงพยาบาลมหาราชนครราชสีมา” นพ.พินิศจัย กล่าว

นพ.พินิศจัย กล่าวว่า การที่โรงพยาบาลศิริราช ไม่ต้องการให้หลวงพ่อเดินทางเข้าไปที่กรุงเทพฯ เชื่อว่าโรงพยาบาลศิริราช คงคิดโดยเอาหลวงพ่อเป็นศูนย์กลาง จึงให้คำตอบเรามาแบบนั้นซึ่งเป็นเรื่องที่ยาก ตนยังไม่เคยเห็นโรงพยาบาลศิริราช จะให้อาจารย์แพทย์ขึ้นมาทำทำการรักษาที่ต่างจังหวัดถึงขนาดนี้มาก่อน โรงพยาบาลศิริราชคงได้ประเมินไว้หมดแล้ว รวมทั้งการที่หลวงพ่อคูณต้องเดินทางไกล ไม่เช่นนั้น คงไม่ให้อาจารย์แพทย์ขึ้นมา ที่ จ.นครราชสีมา

ส่วน ผู้ว่าฯนครราชสีมา อยู่ระหว่างประสานเพื่อนิมนต์หลวงพ่อคูณไปรักษาที่โรงพยาบาลศิริราช เพราะคิดว่าปลอดภัยกว่านั้น ตรงนี้แล้วแต่ท่าน เพราะหลวงพ่อเป็นคนของประชาชน ทุกคนเป็นห่วงหลวงพ่อทั้งนั้น อะไรที่เราคิดว่าดีที่สุดและประชาชนส่วนใหญ่ยอมรับเราก็ทำสิ่งนั้น

สำหรับการเจาะหน้าท้องมีโอกาสเสี่ยงสูง คิดว่าเป็นหัตถการที่ความเสี่ยงไม่มาก แต่พอมาทำกับหลวงพ่อซึ่งเป็นคนสำคัญของประเทศ เราต้องดูและระมัดระวังเป็นพิเศษ การให้อาหารผ่านสายยางทางหน้าท้องของหลวงพ่อคูณ เป็นเรื่องต้องดำเนินการให้เร็วที่สุด และจะทำให้หลวงพ่อต้องได้รับอาหารทางสายยางผ่านทางหน้าท้องไปตลอดชีวิต ข้อดีคือไม่มีอะไรมาเกะกะที่จมูก ความเสี่ยงผลข้างเคียงไซนัสอักเสบน้อยลง ความรู้สึกของคนไข้ดีกว่า และ โอกาสสำลักน้อยลง อีกทั้งให้ทั้งยา และอาหารผ่านทางช่องท้องได้ครบถ้วน

“อาการโดยรวมของหลวงพ่อคูณ ณ วันนี้ถือว่า ผลการรักษาวัณโรคดีขึ้นชัดเจน น้ำในช่องปอด วัณโรคในปอดด้านซ้ายก็หายไปเกือบหมด น้ำหนัก ตอนนี้ 40.5 กก. ส่วนการเจาะหน้าท้องคงต้องรอคำตอบจากศิษยานุศิษย์และผู้ว่านครราชสีมาว่าผลการประสานกันจะเอาอย่างไร คณะแพทย์เรายินดีเสมอ” นพ.พินิศจัย กล่าว
กำลังโหลดความคิดเห็น