ผู้ว่าฯโคราช-ลูกศิษย์ ยันย้าย “พ่อคูณ” ไปรักษา รพ.ศิริราช

ศูนย์ข่าวนครราชสีมา- ผู้ว่าฯโคราช- ลูกศิษย์ ยันย้ายหลวงพ่อคูณไปรักษาที่ รพ.ศิริราช อยู่ระหว่างรอการตอบรับพร้อมเดินทางทันที ระบุ ไม่มั่นใจเครื่องมืออุปกรณ์ หากส่งทีมแพทย์มาเจาะหน้าท้อง ให้อาหารทางสายยางที่ รพ.มหาราชนครราชสีมา รวมทั้งจะได้เช็กระบบร่างกายอย่างละเอียดด้วย ด้านแพทย์เผยอาการโดยรวมหลวงพ่อดีขึ้นเล็กน้อย ไม่มีไข้ ยังอ่อนเพลีย

วันนี้ (31 ส.ค.) ผู้สื่อข่าวรายงานความคืบหน้าอาการอาพาธของ พระเทพวิทยาคม (หลวงพ่อคูณ ปริสุทโธ) เจ้าอาวาสวัดบ้านไร่ อ.ด่านขุนทด จ.นครราชสีมา ซึ่งพักรักษาอาการอาพาธวัณโรคปอด อยู่ที่ห้องผู้ป่วยพิเศษ วีไอพี 9821 อาคารเฉลิมพระเกียรติ ชั้น 8 โรงพยาบาลมหาราชนครราชสีมา อ.เมือง จ.นครราชสีมา ตั้งแต่วันที่ 4 พ.ค.ที่ผ่านมา จนถึงขณะนี้รวมเป็นระยะเวลานานเกือบ 4 เดือน

ล่าสุด นพ.พินิศจัย นาคพันธุ์ แพทย์ผู้เชี่ยวชาญด้านโรคหัวใจและหลอดเลือด โรงพยาบาลมหาราชนครราชสีมา และเป็นแพทย์ประจำตัวหลวงพ่อคูณ เปิดเผยว่า อาการโดยรวมหลวงพ่อคูณดีขึ้นเล็กน้อย ไม่มีไข้ แต่ร่างกายยังคงมีอาการอ่อนเพลีย ส่วนการติดเชื้อในปอดและน้ำในช่องปอดลดลงหายไปเกือบหมดแล้ว อย่างไรก็ตาม หลวงพ่อคูณยังคงต้องฉันยารักษาวัณโรคต่อเนื่องไปทุกวัน จนครบ 1 ปี 6 เดือน อาการวัณโรคถึงจะหายขาด

ด้าน น.ส.จู ปริสุทโธ คณะกรรมการวัดบ้านไร่ และลูกศิษย์ผู้ใกล้ชิด กล่าวว่า ทางคณะลูกศิษย์ยังยืนยันว่า อยากให้ย้าย หลวงพ่อคูณ ไปรักษาที่โรงพยาบาลศิริราช กรุงเทพฯ ซึ่งได้หารือเบื้องต้นกับผู้ว่าราชการจังหวัดนครราชสีมาแล้ว แม้ทางโรงพยาบาลศิริราช จะให้คำตอบมาทางคณะแพทย์โรงพยาบาลมหาราชนครราชสีมา ว่า จะส่งทีมอาจารย์แพทย์มาทำการรักษาเจาะหน้าท้องให้อาหารผ่านทางสายยาง กับหลวงพ่อคูณที่โรงพยาบาลมหาราชนครราชสีมา จ.นครราชสีมา ก็ตาม แต่เรายังไม่มั่นใจ เพราะเกรงว่าอุปกรณ์เครื่องมือการแพทย์ต่างๆ จะไม่มีความพร้อม

“ฉะนั้น จึงเห็นว่า ควรจะย้ายหลวงพ่อคูณไปรักษาที่โรงพยาบาลศิริราช กรุงเทพฯ จะดีกว่า และที่สำคัญจะได้นำหลวงพ่อไปตรวจเช็กระบบร่างกายส่วนอื่นๆ ให้ละเอียดไปพร้อมกันในครั้งเดียวเลย ส่วนจะย้ายเมื่อไหร่นั้นอยู่ระหว่างการประสานงานและรอคำตอบจาก ทางโรงพยาบาลศิริราช” น.ส.จู กล่าว

ด้าน นายระพี ผ่องบุพกิจ ผู้ว่าราชการจังหวัดนครราชสีมา เปิดเผยว่า หากคณะลูกศิษย์ และคณะกรรมการวัด รวมถึงคณะแพทย์ไม่คัดค้าน การย้ายหลวงพ่อคูณ ไปรักษาที่โรงพยาบาลศิริราช ก็ไม่จำเป็นจะต้องประชุมหารือกันอีก สามารถย้ายได้เลย เพราะทุกคนเห็นพ้องร่วมกัน ซึ่งหลวงพ่อคูณเป็นบุคคลสาธารณะ และเป็นบุคคลสำคัญที่มีญาติโยมทั่วประเทศเป็นห่วง การตัดสินใจต้องร่วมกัน หากทุกฝ่ายเห็นตรงกันก็ไม่น่าจะมีปัญหา

“ส่วนการย้ายวันใดนั้น รอให้ทางโรงพยาบาลศิริราชตอบรับกลับมาก่อนว่ามีความพร้อมก็จะย้ายทันที ในช่วงที่รอต้องให้ทางคณะแพทย์โรงพยาบาลมหาราชนครราชสีมา เป็นผู้ดูแลไปก่อน และการเจาะหน้าท้องก็ไม่ถือเป็นเรื่องเร่งด่วนมาก แต่ควรทำให้เร็วที่สุด เพราะการให้อาหารเหลวทางสายยางผ่านช่องโพรงจมูกจะทำให้ท่านรำคาญ และอาจอาการแทรกซ้อนอื่นตามมาได้” นายระพี กล่าว