พิจิตร - ส.ส.เพื่อไทยเมืองชาละวัน เสนอ 3 แนวทางแก้น้ำท่วมทำประชาพิจารณ์คนเมืองชาละวัน ทั้งทำเขื่อนแก่งเสือเต้น-ขุดลอกน้ำยม สร้างฝายทดน้ำ-ขุดลอกบึงสีไฟ 5 พันไร่ ใช้รับน้ำ เล็งให้ชาวบ้านเลือกก่อนเดินเครื่อง เชื่อระยะยาวแก้น้ำท่วมเมืองพิจิตรได้
วันนี้ (1 ก.ย.) น.ส.สุณีย์ เหลืองวิจิตร ส.ส.บัญชีรายชื่อพรรคเพื่อไทย เปิดเผยภายหลังลงพื้นที่แจกถุงยังชีพให้แก่ชาวบ้านในเขต อ.ตะพานหิน อ.โพธิ์ประทับช้าง อ.สามง่าม กว่า 3 พันครัวเรือนที่บ้านเรือนถูกน้ำท่วมและรับฟังปัญหาความเดือดร้อน ความต้องการของชาวบ้านว่า จะเร่งประสานจ่ายเงินให้กับบ้านเรือนที่ถูกน้ำท่วมให้ได้ภายใน 45 วัน หรืออย่างช้าต้องไม่เกิน 3 เดือนนับจากวันนี้เป็นต้นไป ชาวบ้านจะได้มีเงินไปซ่อมแซมอาคารบ้านเรือน
ส่วนตัวเลขจะเป็นเท่าไหร่ คงต้องรอการสรุปจากคณะรัฐมนตรีอีกครั้ง แต่มั่นใจว่าเพียงพอแก่ค่าใช้จ่ายอย่างแน่นอน รวมถึงเงินชดเชยผลผลิตที่เสียหายก็จะเร่งจ่ายให้ชาวนา เพื่อจะได้มีเงินมาทำทุนปลูกข้าวนาปีหลังน้ำลดต่อไป
ส่วนเรื่องบัตรเครดิตเกษตรกร น.ส.สุณีย์บอกว่า ก็รับรองได้ว่าออกให้อย่างทั่วถึง เพราะขณะนี้หลักเกณฑ์รวมถึงบัตรสมาร์ทการ์ดก็ได้รูปแบบที่ชัดเจนออกมาแล้ว ซึ่งคาดว่าเกษตรกรจะได้ถือบัตรเครดิตได้ก่อนสิ้นปีนี้อย่างแน่นอน
สำหรับการแก้ไขปัญหาน้ำท่วมระยะยาวในพื้นที่ลุ่มน้ำยม น.ส.สุณีย์บอกว่า จะขอทำประชาพิจารณ์รับฟังความคิดเห็นจากราษฎรชาวพิจิตรก่อน โดยอาจจะต้องตั้งโจทย์เป็น 3 ช่องทาง ข้อ 1 ระดับชาติ คือ เรื่องการสร้างเขื่อนแก่งเสือเต้น ซึ่งอาจยุ่งยากและสลับซับซ้อน ข้อที่ 2 คือ เรื่องการขุดลอกแม่น้ำยมให้ลึก-กว้างกว่าเดิม และเสริมแนวตลิ่งทั้งสองฝากฝั่งรวมถึงการสร้างเขื่อนยางหรือประตูทดน้ำแบบขั้นบันไดเป็นระยะ เพื่อให้น้ำระบายได้ดี และกักเก็บน้ำไว้ใช้ในช่วงฤดูแล้ง
ส่วนข้อที่ 3 พิจิตร ชื่อเดิมก็รู้อยู่แล้วว่า ชื่อเมือง “สระหลวง” หรือ “โอฆะบุรี” ซึ่งแปลว่าเมืองแห่งท้องน้ำ และมีห้วยหนองคลองบึงมากมาย รวมถึงมีบึงสีไฟซึ่งเป็นบึงน้ำขนาดใหญ่อันดับ 3 ของประเทศ ที่มีพื้นที่กว่า 5 พันไร่ แต่ปัจจุบันได้ตื้นเขินเก็บน้ำลึกได้ไม่เกิน 2-3 เมตร ดังนั้นจึงมีนโยบายว่าจะต้องขุดลอกบึงสีไฟให้ลึกกว่าเก่า 4-5 เท่าตัว เพื่อจะได้กักเก็บน้ำในช่วงฤดูน้ำหลาก ถ้าประชาชนเห็นชอบข้อไหนก็จะทำตามลำดับความสำคัญ และความยากง่ายก่อนหลังตามมติของประชาชน ถ้าทำได้เช่นนี้ก็มั่นใจว่าจะแก้ปัญหาน้ำท่วมพิจิตรได้เป็นรูปธรรมอย่างแน่นอน
กรณีการช่วยเหลือชาวบ้านใน ต.หนองปลาไหล อ.วังทรายพูน และ ชาวบ้านใน ต. บ้านบุ่ง อ.เมืองพิจิตร กว่า 500 หลังคาเรือน ที่บ้านเรือน-ถนนถูกน้ำท่วม ถูกตัดขาดจากโลกภายนอก และเมื่อ 2 วันก่อนชาวบ้านที่เป็นเด็กจำนวน 3 คน และผู้ใหญ่จำนวน6คนได้ใช้เรือเหล็กที่ต่อขึ้นเอง และแห่กันขึ้นเรือเพื่อจะออกจากหมู่บ้านมาซื้ออาหารในตลาดพิจิตร แต่เนื่องจากเรือขาดมาตรฐาน-บรรทุกกันมาเกินน้ำหนัก จึงเป็นเหตุให้เรือล่ม เกือบจะจมน้ำตายหมู่ โชคดีที่มีเพื่อนบ้านเห็นเหตุการณ์ช่วยเหลือพร้อมทั้งนำส่งโรงพยาบาลจึงรอดตายอย่างหวุดหวิด แต่ก็มีสาหัสยังนอนอยู่ห้อง ICU อยู่อีก 1 คน ซึ่งจากความเดือดร้อนดังกล่าวเป็นเพราะไม่มีเรือที่จะใช้เป็นพาหนะนั้น
น.ส.สุณีย์บอกว่า เพื่อเป็นการช่วยเหลือจึงได้ประสานขอเรือท้องแบนจำนวน 2 ลำจากหน่วยพัฒนาการเคลื่อนที่ 34 ขึ้นตรงกับหน่วยทหารพัฒนาสังกัดกองทัพไทย และได้มอบหมายให้ พ.อ.อภิสิทธิ์ นุชบุษบา ผบ.นพค.34 พร้อมด้วยกำลังพลอีก 10 นายได้นำเรือท้องแบนมาไว้บริการรับ-ส่งชาวบ้าน เพื่อให้ใช้เป็นพาหนะในการเข้า-ออกหมู่บ้าน รวมถึงมีเรือไว้เพื่อช่วยเหลืออพยพชาวบ้านที่ถูกน้ำท่วมในพื้นที่ดังกล่าวอีกด้วย