พิจิตร - อบจ.จับมือเทศบาลพิจิตร เข้าเร่งแก้วิกฤติผักตบชวาเต็มท้องน้ำ ทำน้ำเน่า-ปลาตายในบึงสีไฟ ประจานผลาญงบพัฒนาครั้งแล้วครั้งเล่า
วันนี้ (29 ก.ค.) นายชาติชาย เจียมศรีพงษ์ นายกอบจ.พิจิตร พร้อมด้วย นายบัณฑูร ตั้งประดิษฐ์ รองนายกเทศบาลเมืองพิจิตร ได้ร่วมกันแก้ปัญหาที่เกิดขึ้นในบึงสีไฟ ซึ่งเป็นบึงน้ำขนาดใหญ่อันดับ 3 ของประเทศไทย มีพื้นที่กว่า 5 พันไร่ ที่เกิดวิกฤติเนื่องจากการแพร่ขยายพันธุ์ของผักตบชวา จนเต็มท้องน้ำ ส่งผลให้ทัศนียภาพการท่องเที่ยวต้องเสียหาย เกิดน้ำเน่าเสียและส่งกลิ่นเหม็นจนปลาตายลอยเป็นแพ
นายก อบจ.พิจิตร ได้ส่งเครื่องจักรกลเข้าไปช่วยกำจัดผักตบชวาในบึง ส่วนเทศบาลเมืองพิจิตร ก็ส่งคนงานจำนวน 30 คน ให้เข้าไปสมทบ หวังกอบกู้สถานการณ์ไม่ให้น้ำเน่าเสียในบึงสีไฟขยายวงกว้างไปมากกว่านี้ และหลายฝ่ายมั่นใจว่าภายใน 7-10 วัน น่าจะมีความชัดเจนเป็นรูปธรรมมากขึ้น
ผู้สื่อข่าวรายงานเพิ่มเติมว่า หลังจากเกิดเหตุการณ์ดังกล่าวขึ้น ก็ได้มีชาวบ้านและนักท่องเที่ยวเป็นจำนวนมากที่ทราบข่าว มาดูวิกฤตของบึงสีไฟ และวิพากษ์วิจารณ์ไปกันว่า ที่ผ่านมา จังหวัดพิจิตร และหลายส่วนราชการได้อ้างการใช้งบประมาณพัฒนาบึงสีไฟ ทั้งงบไทยเข้มแข็งปี 2553 จำนวน 10 ล้านบาท เพื่อการเกษตรแบบถาวร โดยชลประทานจังหวัดพิจิตรเป็นเจ้าภาพจะขุดลอกและกำจัดผักตบในบึงสีไฟ แต่มองไม่เห็นรูปธรรมชัดเจน
เช่นเดียวกันงบประมาณจากการท่องเที่ยวปี 2552/2553 พลตรี สนั่น ขจรประศาสน์ รองนายกรัฐมนตรี, ส.ส.พิจิตร ก็ผลักดันงบผ่านการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย ให้จังหวัดพิจิตร ทำอุทยานบัว 40 ล้านบาทเศษ ก็สวยงามอยู่แค่เพียงวันที่ เสธ.หนั่น มาเปิดงานเพียงแค่วันเดียว จนถึงทุวันนี้ ก็ทิ้งไว้เป็นอุทยานร้าง ไม่มีดอกบัวให้เห็นแม้แต่ดอกเดียว
ล่าสุด งบประมาณไทยเข้มแข็งปี 2554 จำนวน 64.3 ล้านบาท ก็ผลักดันผ่านการท่องเที่ยวที่กำลังรื้อสวนหย่อมเก่าบริเวณรูปปั้นพญาชาละวันที่ยังมีสภาพดีอยู่ อ้างจะปรับปรุงภูมิทัศน์ใหม่ให้สวยงาม ซึ่งรับเหมาโดยกลุ่มธุรกิจสวนเกษตรจากชลบุรี (เจ้าเก่ากับที่ทำอุทยานบัว) จนทำให้ขณะนี้บึงสีไฟผิดเพี้ยนไปจากเดิม