ท่องเที่ยวพิจิตรเหงาอุทยานบัวร้างยาว

พิจิตร -วันหยุดยาวแต่พิจิตรเงียบเหงา เหตุแหล่งท่องเที่ยวขาดการใส่ใจดูแลจนทรุดโทรม ต้องปิดปรับปรุง อุทยานบัว ที่ใช้งบหว่านกว่า 40 ล้าน ถึงวันนี้ยังไม่มีบัวบานให้เห็น

ช่วงหยุดยาวตั้งแต่วันพืชมงคล - วันวิสาขบูชาปีนี้ ที่จังหวัดพิจิตร บรรยากาศการท่องเที่ยวกลับเป็นไปด้วยความเงียบเหงา แทบจะไม่มีนักท่องเที่ยวเข้ามาท่องเที่ยวภายในจังหวัดเลย ต่างเป็นเพราะมาแล้วผิดหวังไม่สมดังคำโฆษณา

โดยเฉพาะบึงสีไฟ แหล่งท่องเที่ยวตามคำขวัญ และเป็นบึงน้ำใหญ่อันดับ 3 ของประเทศ มีศาลาไม้อาคารทรงไทยตั้งอยู่กลางน้ำ แต่ท้องน้ำส่วนใหญ่กลับเต็มไปด้วยผักตบชวา ซึ่งส่วนใหญ่นักท่องเที่ยวตั้งความหวังไว้ว่ามาบึงสีไฟพิจิตร จะต้องเห็นท้องน้ำที่กว้างใหญ่ใสสะอาด ปลาแหวกว่าย เห็นดอกบัวที่ชูช่อบานสะพรั่ง แต่ก็ต้องผิดหวัง ท้องน้ำส่วนใหญ่กลับเต็มไปด้วยผักตบชวามากมาย อีกทั้งที่ตั้งรูปปั้นพญาชาละวันตัวใหญ่ตั้งเด่นตระหง่านภายในท้องเป็นห้องประชุม จุคนได้ 40 คน ก็ไม่เคยเปิดให้เข้าดูดั่งคำโฆษณา

นอกจากนี้ พื้นที่โดยรอบเคยจัดสวนหย่อมสวยงาม ให้นักท่องเที่ยวได้ถ่ายรูปเป็นที่ระลึก ขณะนี้การท่องเที่ยวก็ใช้งบประมาณ 46.3 ล้านบาท ก็ถูกรื้อปิดปรับภูมิทัศน์ยาวตั้งแต่ 29 ต.ค. 2553-วันที่ 29 ต.ค. 2554 รวม 365 วัน เนื่องด้วยไม่ถูกใจนักการเมืองที่ต้องการดึงเงินงบประมาณ จึงทำการรื้อของเก่า รวมถึงจะรื้อศาลาไม้กลางน้ำเก่าแก่ที่มีอายุเกือบ 100 ปี แล้วสร้างเป็นอาคารสถาปัตยกรรมทรงไทยยุคใหม่แทน ทำให้นักท่องเที่ยวที่หลงเข้ามาต่างผิดหวังไปตามๆกัน

ขณะที่ บริเวณหอชมนกริมบึงสีไฟที่มีหอคอยสูงตระหง่าน เพื่อชมวิวบึงสีไฟก็ขาดคนใส่ใจ แถมบริเวณที่มีภาพน้ำตก 3 มิติ สีกลับหลุดลอกเลอะเลือน รูปปั้นชาละวัน “ไอ้สี”ที่พ่นน้ำพุปั๊มน้ำก็ถูกขโมยไปนานนับปี แต่ก็ไม่มีงบประมาณมาซื้อใหม่ ปล่อยให้กลายเป็นอนุสาวรีย์รกร้าง

ไม่เพียงเท่านั้นอุทยานบัว ที่ทุ่มทุนสร้างถึง 40 ล้านบาท ตั้งแต่พลตรีสนั่น ขจรประศาสน์ (เสธ.หนั่น) มาทำพิธีเปิดเมื่อวันที่ 24 ต.ค.2553 ผ่านมาแล้วเกือบ 1 ปี ก็ยังไม่เคยมีดอกบัวบานสมดั่งชื่ออุทยานบัว จึงทำให้นักท่องเที่ยวที่มาถึงกับออกปาก “ยี้บึงสีไฟ” และบอกกันปากต่อปากจนถึงวันนี้ กระทบถึงการท่องเที่ยวเมืองชาละวันแห่งนี้ด้วย