ประจวบคีรีขันธ์- พ่อแม่ของเหยื่อแก๊งวัยรุ่นหัวหิน เชื่อมั่นว่า มีผู้ร่วมก่อเหตุรุมทำร้ายบุตรชายมากกว่า 30 ราย และอยากให้ตำรวจจับกุมคนร้ายให้ได้ทั้งหมด ล่าสุด ตำรวจจับกุมผู้ต้องหาแล้ว 11 ราย เตรียมออกหมายจับเพิ่มอีก 8 ราย ขณะที่ผู้ปกครองในอำเภอบางสะพาน ที่ส่งบุตรหลานมาเรียนที่หัวหิน มีการย้ายสถานศึกษาไปเรียนที่อื่นแล้ว
ความคืบหน้าคดีกลุ่มวัยรุ่นหัวหินที่รวมตัวกันเป็นกลุ่มแก๊งก่อเหตุรุมทำร้าย นายทศพล หอมจันทร์ อายุ 16 ปี นักศึกษาวิทยาลัยการอาชีพวังไกลกังวล อำเภอหัวหิน จังหวัดประจวบคีรีขันธ์ จนเสียชีวิตเมื่อวันที่ 13 สิงหาคม ที่ผ่านมา ซึ่งภายหลังเกิดเหตุคดีดังกล่าวไม่มีความคืบหน้า จนพ่อแม่ของ นายทศพล ได้ออกมาเรียกร้องผ่านสื่อเพื่อให้ตำรวจเร่งรัดจับกุมผู้กระทำผิดในครั้งนี้มาลงโทษ รวมทั้งตำรวจกองปราบปรามก็ได้เข้ามาติดตามคดีนี้ด้วย ซึ่งในเบื้องต้นทางตำรวจได้จับกุมผู้ต้องหาไปแล้ว 3 ราย และออกหมายเรียกเพิ่มอีก 5 ราย
ขณะนี้คดีของ นายทศพล หรือ น้องฟอร์ม ผ่านไปแล้วกว่าครึ่งเดือน แต่เจ้าหน้าที่ตำรวจยังไม่สามารถจับกุมผู้ต้องหาได้ทั้งหมด ซึ่ง นางพรเจริญ และ นายซ้อน หอมจันทร์ พ่อแม่ของผู้ตาย เชื่อว่า มีกลุ่มวัยรุ่นอย่างน้อย 20 คนขึ้นไปที่มาร่วมก่อเหตุในครั้งนี้ จนกระทั่งเมื่อเวลา 15.30 น.วันนี้ (30 ส.ค.) ทั้งสองคนได้เดินทางมาที่ สภ.หัวหิน อีกครั้ง เพื่อรับฟังและติดตามความคืบหน้าของคดี หลังจากทางตำรวจยืนยันว่า จะดำเนินการให้ได้ภายใน 7 วัน
นางพรเจริญ เปิดเผยว่า ขณะนี้ทางตำรวจสามารถจับกุมผู้ต้องหาได้แล้ว 11 ราย อยู่ในขั้นตอนของการส่งฟ้องศาล ในส่วนตัวเอง เชื่อว่า น่าจะมีผู้ก่อเหตุครั้งนี้มากกว่า 11 ราย เพราะผู้ต้องหาบางรายบอกว่ามีผู้ร่วมก่อเหตุครั้งนี้กว่า 30 ราย ซึ่งก็ยอมรับว่า ไม่เชื่อมั่นว่า ตำรวจจะสามารถจับกุมผู้ต้องหาได้ทั้งหมดหรือไม่ เพราะจากข้อมูลพบว่าเด็กบางรายมีผู้ปกครองที่เป็นข้าราชการ หรือเป็นผู้มีอิทธิพลในพื้นที่ และยังมีผู้ต้องหาอื่นที่เป็นหัวโจกอยู่อีกหรือไม่
“ตอนนี้มองว่าหากสื่อยังมีการนำเสนอคดีนี้อยู่ ตำรวจเองก็จะเร่งสางคดี วันนี้ยอมรับว่า ตอนนี้ไม่มั่นใจการทำงานของตำรวจเต็มร้อยเปอร์เซ็นต์ แต่ก็ยอมรับในการทำงานที่รวดเร็วขึ้น หลังจากได้มีการเสนอผ่านสื่อ ทั้งนี้ รู้สึกเสียใจที่ผู้ปกครองของเด็กที่กระทำความผิดมีความรู้สึกชิงชัง แค้นอาฆาต และเข้ามาต่อว่า ซึ่งตรงนี้ดิฉันอยากให้พวกเขาได้สำนึก และได้รับโทษตามกระบวนการ เพื่อเป็นบทเรียนไม่ให้ไปก่อเหตุอีก ไม่อยากให้ผู้ปกครองปกป้องการกระทำผิดของบุตรหลาน จนกระทั่งถึงวันนี้ก็ยังไม่มีใครออกมาแสดงความรับผิดชอบ หรือขอโทษต่อเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นเลยสักคนเดียว ตอนนี้ดิฉันเองและครอบครัวก็รู้สึกไม่ปลอดภัย เกรงจะเกิดอันตรายด้วย”
นางพรเจริญ กล่าวอีกว่า เหตุการณ์ที่ลูกชายของตนต้องมาจบชีวิต จากการก่อเหตุของกลุ่มวัยรุ่นในอำเภอหัวหิน ได้เกิดกระแสวิพากษ์วิจารณ์กันในอำเภอบางสะพาน เป็นวงกว้าง ผู้ปกครองที่ส่งบุตรหลานมาเรียนที่อำเภอหัวหิน มีความหวั่นเกรงอันตรายที่อาจจะเกิดขึ้นจากกลุ่มวัยรุ่น จนมีการย้ายสถานศึกษาของบุตรหลานกลับไปเรียนที่อื่น อยากให้ตำรวจเร่งรัดการทำงานในคดีนี้ให้รัดกุม ตั้งข้อหาที่ชัดเจน อยากให้จัดการกับการตั้งกลุ่มแก๊งของกลุ่มวัยรุ่นในอำเภอหัวหิน เพื่อไม่ให้เกิดคดีในลักษณะเช่นนี้อีก
ความคืบหน้าคดีกลุ่มวัยรุ่นหัวหินที่รวมตัวกันเป็นกลุ่มแก๊งก่อเหตุรุมทำร้าย นายทศพล หอมจันทร์ อายุ 16 ปี นักศึกษาวิทยาลัยการอาชีพวังไกลกังวล อำเภอหัวหิน จังหวัดประจวบคีรีขันธ์ จนเสียชีวิตเมื่อวันที่ 13 สิงหาคม ที่ผ่านมา ซึ่งภายหลังเกิดเหตุคดีดังกล่าวไม่มีความคืบหน้า จนพ่อแม่ของ นายทศพล ได้ออกมาเรียกร้องผ่านสื่อเพื่อให้ตำรวจเร่งรัดจับกุมผู้กระทำผิดในครั้งนี้มาลงโทษ รวมทั้งตำรวจกองปราบปรามก็ได้เข้ามาติดตามคดีนี้ด้วย ซึ่งในเบื้องต้นทางตำรวจได้จับกุมผู้ต้องหาไปแล้ว 3 ราย และออกหมายเรียกเพิ่มอีก 5 ราย
ขณะนี้คดีของ นายทศพล หรือ น้องฟอร์ม ผ่านไปแล้วกว่าครึ่งเดือน แต่เจ้าหน้าที่ตำรวจยังไม่สามารถจับกุมผู้ต้องหาได้ทั้งหมด ซึ่ง นางพรเจริญ และ นายซ้อน หอมจันทร์ พ่อแม่ของผู้ตาย เชื่อว่า มีกลุ่มวัยรุ่นอย่างน้อย 20 คนขึ้นไปที่มาร่วมก่อเหตุในครั้งนี้ จนกระทั่งเมื่อเวลา 15.30 น.วันนี้ (30 ส.ค.) ทั้งสองคนได้เดินทางมาที่ สภ.หัวหิน อีกครั้ง เพื่อรับฟังและติดตามความคืบหน้าของคดี หลังจากทางตำรวจยืนยันว่า จะดำเนินการให้ได้ภายใน 7 วัน
นางพรเจริญ เปิดเผยว่า ขณะนี้ทางตำรวจสามารถจับกุมผู้ต้องหาได้แล้ว 11 ราย อยู่ในขั้นตอนของการส่งฟ้องศาล ในส่วนตัวเอง เชื่อว่า น่าจะมีผู้ก่อเหตุครั้งนี้มากกว่า 11 ราย เพราะผู้ต้องหาบางรายบอกว่ามีผู้ร่วมก่อเหตุครั้งนี้กว่า 30 ราย ซึ่งก็ยอมรับว่า ไม่เชื่อมั่นว่า ตำรวจจะสามารถจับกุมผู้ต้องหาได้ทั้งหมดหรือไม่ เพราะจากข้อมูลพบว่าเด็กบางรายมีผู้ปกครองที่เป็นข้าราชการ หรือเป็นผู้มีอิทธิพลในพื้นที่ และยังมีผู้ต้องหาอื่นที่เป็นหัวโจกอยู่อีกหรือไม่
“ตอนนี้มองว่าหากสื่อยังมีการนำเสนอคดีนี้อยู่ ตำรวจเองก็จะเร่งสางคดี วันนี้ยอมรับว่า ตอนนี้ไม่มั่นใจการทำงานของตำรวจเต็มร้อยเปอร์เซ็นต์ แต่ก็ยอมรับในการทำงานที่รวดเร็วขึ้น หลังจากได้มีการเสนอผ่านสื่อ ทั้งนี้ รู้สึกเสียใจที่ผู้ปกครองของเด็กที่กระทำความผิดมีความรู้สึกชิงชัง แค้นอาฆาต และเข้ามาต่อว่า ซึ่งตรงนี้ดิฉันอยากให้พวกเขาได้สำนึก และได้รับโทษตามกระบวนการ เพื่อเป็นบทเรียนไม่ให้ไปก่อเหตุอีก ไม่อยากให้ผู้ปกครองปกป้องการกระทำผิดของบุตรหลาน จนกระทั่งถึงวันนี้ก็ยังไม่มีใครออกมาแสดงความรับผิดชอบ หรือขอโทษต่อเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นเลยสักคนเดียว ตอนนี้ดิฉันเองและครอบครัวก็รู้สึกไม่ปลอดภัย เกรงจะเกิดอันตรายด้วย”
นางพรเจริญ กล่าวอีกว่า เหตุการณ์ที่ลูกชายของตนต้องมาจบชีวิต จากการก่อเหตุของกลุ่มวัยรุ่นในอำเภอหัวหิน ได้เกิดกระแสวิพากษ์วิจารณ์กันในอำเภอบางสะพาน เป็นวงกว้าง ผู้ปกครองที่ส่งบุตรหลานมาเรียนที่อำเภอหัวหิน มีความหวั่นเกรงอันตรายที่อาจจะเกิดขึ้นจากกลุ่มวัยรุ่น จนมีการย้ายสถานศึกษาของบุตรหลานกลับไปเรียนที่อื่น อยากให้ตำรวจเร่งรัดการทำงานในคดีนี้ให้รัดกุม ตั้งข้อหาที่ชัดเจน อยากให้จัดการกับการตั้งกลุ่มแก๊งของกลุ่มวัยรุ่นในอำเภอหัวหิน เพื่อไม่ให้เกิดคดีในลักษณะเช่นนี้อีก
