xs
xsm
sm
md
lg

ประจวบฯเดินหน้าทวงป่ากรมหลวงคืนเข้มข้น - กรมอุทยานฯจัดส่งกำลังปราบปรามลงพื้นที่

เผยแพร่:   โดย: MGR Online


ประจวบคีรีขันธ์ - ปัญหาการบุกรุกป่าพื้นที่เขตรักษาพันธ์สัตว์ป่าอุทยานฯเสด็จในกรม กรมหลวงชุมพร ด้านทิศเหนือ รอยต่อระหว่าง อ.บางสะพานน้อย ประจวบคีรีขันธ์ กับ ชุมพร ยังคงเป็นปัญหาหนัก พบมีการบุกรุกต่อเนื่อง ล่าสุด กรมอุทยานฯสัตว์ป่าและพันธุ์พืชเตรียมส่งกำลังเจ้าหน้าที่จากส่วนกลางเข้าไปเสริม และอาจต้องใช้อากาศยานแบบไร้คนขับเข้าไปบินสำรวจในเร็ววันนี้

วันที่ (23 ส.ค.) นายธีรภัทร ประยูรสิทธิ์ รองอธิบดีกรมอุทยานแห่งชาติ สัตว์ป่าและพันธุ์พืช กล่าวว่า ทางอธิบดีกรมอุทยานฯได้ทราบจากรายงานของเจ้าหน้าที่เขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่า เสด็จในกรม กรมหลวงชุมพร ด้านทิศเหนือ อ.บางสะพานน้อย จ.ประจวบคีรีขันธ์ แล้วซึ่งให้ตนดำเนินการในการจัดชุดเจ้าหน้าที่ป้องกันควบคุมไฟป่า เข้าไปเสริมเพื่อช่วยเจ้าหน้าที่เขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่าฯ คาดว่าน่าจะเป็นสัปดาห์หน้าและอาจต้องใช้อากาศยานแบบไร้คนขับ ซึ่งใช้ทดลองที่แก่งกระจานเข้าไปบินตรวจสอบพื้นที่บุกรุกเพิ่มเติม ตอนนี้ต้องป้องกันไม่ให้กลุ่มนายทุนต่างๆ เข้าไปบุกรุกผืนป่าสมบูรณ์ที่เหลือ และต้องทยอยตรวจสอบพื้นที่ที่มีการบุกรุกแปลงใหม่ และคงต้องลงไปประสานกับ นายวีระ ศรีวัฒนตระกูล ผู้ว่าราชการจังหวัดประจวบคีรีขันธ์ เพราะทราบว่าทางจังหวัดประจวบฯ ก็มีมาตรการที่เข้มข้นในเรื่องของการเอาจริงเอาจังกับการแก้ไขปัญหาการบุกรุกอย่างต่อเนื่อง

“ผมยืนยันว่า ทางกรมอุทยานฯไม่ได้นิ่งนอนใจกับปัญหาป่าอนุรักษ์ที่ถูกบุกรุก ที่ผ่านมาพื้นที่แถบนั้นมีรายงานพบสัตว์ป่าหายากหลายชนิดไม่ว่าจะเป็น สมเสร็จ ช้างป่า ค่าง และสัตว์ป่าอื่นอีกเป็นจำนวนมาก แต่ปัจจุบันหายไปเนื่องจากป่าบริเวณดังกล่าวถูกบุกรุกอย่างต่อเนื่องหลายปีที่ผ่านมา"

รองอธิบดีกรมอุทยานฯสัตว์ป่าและพันธุ์พืช กล่าวอีกว่า เริ่มต้นเมื่อเกิดวาตภัยพายุเกย์ จึงเปิดให้มีการทำไม้ที่ล้มในช่วงนั้น แต่ก็มีการเข้าไปจับจองผืนป่าและไม่ยอมกลับออกมา จนเกิดการบุกรุกเรื่อยมาจนในปัจจุบันมีการเปลี่ยนมือมาเป็นของกลุ่มนายทุนต่างๆ ยิ่งมาระยะหลังกระแสยางพารา ปาล์มน้ำมัน ราคาดีทำให้ผืนป่าถูกบุกรุกมากขึ้น
 
จากข้อมูลพบว่าตั้งแต่ 1 ต.ค.54-ปัจจุบันนี้ มีคดีเกี่ยวกับป่าในพื้นที่ซึ่งเจ้าหน้าที่จับกุมได้ 79 คดีพื้นที่ 562 ไร่ จับผู้ต้องหา 21 คน มูลค่าไม้ล้มประมาณ 125 ลูกบาศก์เมตรที่ผ่านมา ตนอยากฝากเตือนบรรดากลุ่มนายทุนทั้งหลายที่ไปซื้อที่ดินในพื้นที่เขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่าฯว่า มันผิดกฎหมาย ซึ่งทางกรมอุทยานฯสัตว์ป่าและพันธุ์พืช จะดำเนินการใช้มาตรการกฎหมายแบบเข้มข้นเหมืนอทางวังน้ำเขียว

“สิ่งสำคัญปัญหาสภาพสิ่งแวดล้อมของป่าที่ถูกทำลาย จุดเขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่าฯดังกล่าวเป็นป่าต้นน้ำ มีการใช้ยาฆ่าหญ้าและสารเคมี ซึ่งจะได้ประมานกับหน่วยงานทางสิ่งแวดล้อมไปตรวจสอบปริมาณสารเคมีที่ไหลลงสู่คลองท่าแซะ ผมมองว่าเป็นสิ่งสำคัญเพราะคลองเส้นนี้ไหลไปสู่จังหวัดชุมพร”

พ.ต.เฉลิมพล คุปตะวาทิน ผู้บังคับกองร้อยทหารพรานที่ 1403 บ้านคีรีล้อม กล่าวว่า “ผมพร้อมเจ้าหน้าที่พร้อมที่จะเดินหน้าเรื่องของการหยุดการบุกรุกป่าแถบนี้ให้ได้ ตามนโนบายของทางผู้ว่าราชการจังหวัดประจวบคีรีขันธ์ และทางกองพลทหารราบที่ 9 ซึ่งข้อมูลพบว่าขณะนี้มีนายทุนจากภาคเหนือที่เข้ามาซื้อที่ดินแถบนี้ผ่านพวกนายหน้าค้าภูเขา ซึ่งเป็นคนในพื้นที่ซื้อขายกันแบบเหมาอย่าง 50 ไร่ยางพร้อมเปิดหน้าอายุประมาณ 6-7 ปีราคาก็ประมาณ 2 ล้านบาท ยังมีอีกหลายจุดในผืนป่าแห่งนี้ที่มีกลุ่มนายทุนจากพื้นที่ต่างๆเข้ามาบุกรุกป่าชั้นใน บางจุดมีการโค่นป่าต้นไม้ใหญ่ “เจาะไข่แดง” เป็นจุดๆ หลายแห่ง รอจนต้นไม้แห้งหลังจากนั้นทำการเฉาะปล่อง และเริ่มเอากล้ายางลงไปปลูก”

ด้าน นายสุทธิพงษ์ คล้ายอุดม นายอำเภอบางสะพานน้อย กล่าวว่า ปัญหามันก็หนักขึ้น เพราะพวกนายทุนมันขึ้นมาทำกันกลางคืน มันทำทุกวิถีทางในการที่จะเข้ามายึดครองพื้นที่ป่าแถบนี้ ทั้งที่ชาวบ้านก็เป็นหูเป็นตาแจ้งเบาะแสมา และมีบางส่วนเจ้าหน้าที่ที่รับผิดชอบบางคนเข้าไปมีส่วนรู้เห็นกับขบวนการเขมือบป่า จุดนี้สำคัญทำให้เราทำงานลำบากมากขึ้นจะทำอะไรมันก็จะรู้ไปหมด

ทางด้าน นายวีระ ศรีวัฒนตระกูล ผู้ว่าราชการจังหวัดประจวบคีรีขันธ์ กล่าวว่า พื้นที่ 1 แสนไร่ที่มีการบุกรุกนั้นเป็นพื้นที่ซึ่งเกิดขึ้นมาหลายปีแล้ว ไม่ใช่ปัญหาที่เพิ่งเกิดขึ้นในปัจจุบันในช่วงนี้ก็ยังคงมีซึ่งทางจังหวัดเองก็สั่งการสนธิกำลังเข้าพื้นที่อย่างต่อเนื่องที่ผ่านมาเพราะถือเป็นนโยบายของผมที่ให้ความสำคัญในการที่ต้องจัดการกับพวกบุกรุกเพื่อเอาป่าคืนตามโครงการคืนผืนป่าให้พ่อ เราต้องดำเนินการทั้งทางกาสรป้องกัน การปราบปราม การฟื้นฟูต้องทำควบคู่กัน สิ่งสำคัญต้องติวเข้มเจ้าหน้าที่ทุกฝ่าย ผู้นำชุมชมทั้งกำนัน ผู้ใหญ่บ้าน อปท.ทำความเข้าใจในการที่จะช่วยกันรักษาผืนป่าที่เหลืออยู่ในปัจจุบัน

“ผมจะจัดตั้งชุดอาสาสมัครพิทักษ์ป่า (ชรบ.) ขึ้นหรือชุดเฉพาะกิจ ในทุกพื้นที่ซึ่งมีผืนป่า เพื่อมาร่วมกันทำงานกับเจ้าหน้าที่ของภาครัฐในการออตรวจตราผืนป่าด้วย พร้อมตั้งวอร์รูมเรื่องของการดูแลเรื่องป่าโดยเฉพาะ สิ่งสำคัญเจ้าหน้าที่ต้องเข็มแข็งและไม่เกี่ยวข้องกับการบุกรุก การตรวจสอบพื้นที่เป้าหมายจะเริ่มเข้มข้นขึ้น ตรวจยึด ดำเนินคดีถึงที่สุด และหากศาลตัดสินก็จะดำเนินการในส่วนของขั้นตอนกฎหมาย เพื่อเอาที่ดินมาดำเนินการฟื้นฟู อปท.กำนัน ผู้ใหญ่บ้าน ช่วยกันดูแลเพื่อไม่ให้เกิดการบุกรุกถือครองเกิดขึ้นอีก จัดทำทะเบียน
 
ส่วนอีกแนวทางก็เปิดโอกาสให้นายทุนมอบที่ดินคืนด้วยตัวเอง ผมพยามแสวงหาความร่วมมือจากประชาชน ให้มากที่สุด ส่วนการใช้ยาหยอดต้นไม้ การเปิดป่าชั้นในติดแนวตะเข็บชายแดน ก็ใช้สนธิกำลังทั้งนายอำเภอ ทหารพราน หน่วยจงอางศึก ตชด.เข้าไปตรวจสอบตรวจยึด ยิ่งช่วงนี้กำลังเข้มข้นทั้งที่ตรวจยึดไม้ และพื้นที่ซึ่งกำลังบุกเบิกปลูกยางพารา ปาล์มน้ำมัน และนับเป็นความโชคดีที่ทางรมอุทยานฯให้ความสำคัญกับนโยบายการดำเนินการรักษาป่า ทำให้ต้องมีการทำงานกันเชิงรุกตลอดเวลา พวกคนที่บุกรุกมันเห็นกับประโยชน์ส่วนตัวมากว่า ผมขอเรียนว่าเจ้าหน้าที่ใครที่เกี่ยวข้องหากผมตรวจสอบพบก็จะดำเนินการ ดังนั้นแล้วการยุติการบุกรุกในพื้นที่ป่านั้นต้องทำให้ได้ เพราะถือเป็นป่าลุ่มน้ำที่สำคัญ”


กำลังโหลดความคิดเห็น