ประจวบคีรีขันธ์ - ทหารพรานที่ 1403 บ้านคีรีล้อม กองกำลังสุรสีห์ เดินเท้าลาดตระเวนเข้าไปยังผืนป่าต้นน้ำชั้น 1A ในเขตรักษาพันธ์สัตว์ป่าอุทยานเสด็จในกรมหลวงชุมพร ด้านทิศเหนือ อ.บางสะพาน จ.ประจวบคีรีขันธ์ ซึ่งเป็นป่าต้นน้ำลำธารที่สำคัญของจังหวัดชุมพร พบถูกคุกคามจากนายทุนอย่างหนักเมื่อมีการโค่นป่าชั้นในเพื่อหวังเอาพื้นที่ปลูกยางพาราเป็นวงกว้าง เผยพบพื้นที่แห่งนี้ถูกบุกรุกไปแล้วหลายหมื่นไร่
วันนี้ (9 ส.ค.) พ.ต.เฉลิมพล คุปตะวาทิน ผู้บังคับกองร้อยทหารพรานที่ 1403 นำกำลังออกลาดตระเวนหลังมีข้อมูลว่า พื้นที่เขตรักษาพันธ์สัตว์ป่าอุทยานเสด็จในกรม กรมหลวงชุมพร ด้านทิศเหนือ บริเวณ อ.บางสะพานน้อย จ.ประจวบคีรีขันธ์ มีนายทุนเข้าไปบุกรุกโค่นป่า จึงนำกำลังออกเดินเท้าลาดตระเวนในพิกัดพื้นที่ซึ่งได้รับแจ้ง โดยทหารพรานใช้เวลาเดินเท้าเข้าป่าลึกนานหลายชั่วโมงจนกระทั่งพบผืนป่าชั้นในซึ่งเป็นป่าต้นน้ำชั้น 1A ของจังหวัดชุมพร ที่มีความสำคัญต่อระบบนิเวศวิทยา เป็นผืนป่าที่อุดมสมบูรณ์ กำลังถูกคุกคามอย่างรุนแรง เนื่องจากตรวจพบต้นไม้หวงห้าม ทั้งไม้ไข่เขียว ขนาดใหญ่ 3-4 คนโอบ ยาวประมาณ 10-20 เมตร อายุ 50-100 ปี ถูกโค่นอยู่กลางป่าลึกชั้นในหลายจุด รวมแล้วตรวจนับได้ 30 ท่อน ซึ่งยังไม่มีการแปรรูป
นอกจากนั้น ในพื้นที่ใกล้เคียงยังพบพื้นที่อีก 2-3 ไร่ โดนเผาทำลายและเริ่มลงกล้ายางพารา และกาแฟ อยู่บริเวณใกล้เคียงกับจุดที่พบการโค่นต้นไม้ ซึ่งทางทหารพรานได้จับพิกัดจีพีเอส และดูแผนที่ พบว่า จุดที่พบอยู่สูงจากระดับน้ำทะเลประมาณ 400 ฟุต และอยู่ห่างจากชายแดนไทย-พม่าประมาณ 10 กม. ซึ่งการเข้าตรวจสอบไม่พบตัวผู้กระทำความผิดแต่อย่างใด คาดว่าน่าจะรู้ล่วงหน้าว่าจะมีทหารเข้าไป
พ.ต.เฉลิมพล คุปตะวาทิน ผู้บังคับกองร้อยทหารพรานที่ 1403 บ้านคีรีล้อม กล่าวว่า จากข้อมูลพบว่าป่าที่ถูกโค่นชั้นในส่วนใหญ่เป็นนายทุนจากทางภาคใต้ ทั้งในพื้นที่จังหวัดนครศรีธรรมราช สุราษฎร์ธานี และจังหวัดชุมพร และยังระบุด้วยว่ากลุ่มนายทุนพวกนี้จะใช้วิธีการโค่นต้นไม้ใหญ่กลางป่าลึกลงก่อน หลังจากนั้นทิ้งไว้ประมาณ 6 เดือน จะใช้ยาฆ่าหญ้า และจุดไฟเผาจนกระทั่งดูเหมือนป่าเสื่อมโทรม หลังจากนั้นจึงโค่นต้นไม้ที่เหลือ และลงมือปลูกพืชเชิงเดี่ยวไม่ว่าจะเป็นยางพารา บางพื้นที่จะปลูกกาแฟ
ซึ่งหากใช้วิธีการตรวจสภาพผืนป่าด้วยเฮลิคอปเตอร์จะไม่สามารถมองเห็นผืนป่าชั้นในที่ถูกโค่นและบุกรุก จึงต้องใช้การเดินเท้าลาดตระเวนเท่านั้น
ด้าน นายชิน สุดพิมพ์ศรี ผู้ใหญ่บ้านหมู่ 8 บ้านช่องลม และชาวบ้านช่องลม กล่าวว่าเดิมผืนป่าแถบนี้ในอดีตมีสัตว์ป่าชุกชุมทั้งค่าง ชะนี เป็นจำนวนมากแต่หลังจากผืนป่าถูกบุรุกอย่างหนัก สัตว์ประเภทนี้ก็ไม่มีโอกาสได้เห็นอีกเลย ส่วนใหญ่นายทุนที่เข้ามากว๊านซื้อที่เหมาเป็นแปลงๆ10-30 ไร่ ราคาขายตั้งแต่ 50,000-100,000 ขึ้นอยู่กับสภาพพื้นที่ว่าเป็นป่าสมบูรณ์หรือป่าที่มีการแผ้วถางแล้ว โดยกลุ่มผู้ลักลอบโค่นป่าจะทำกลางคืนในช่วงฤดูฝนเพื่อหลบเลี่ยงการตรวจพบของเจ้าหน้าที่ ซึ่งขณะนี้ผืนป่าแห่งนี้ผมว่าน่าเป็นห่วงเพราะกลุ่มนานทุนเข้ามาโค่นต้นไม้หวังเอาพื้นที่ปลูกยางพารา เห็นแล้วน่าใจหายมาก พวกนี้ใช้วิธีการโค่นป่าด้านในหรือที่เรียกกันว่าเจาะไข่แดง หากเจ้าหน้าที่ของรัฐไม่เข้มแข็งผมว่าป่าต้นน้ำสำคัญของจังหวัดชุมพร จะกลายเป็นสวนยางในอนาคต
ขณะเดียวกัน นายสุทธิพงษ์ คล้ายอุดม นายอำเภอบางสะพานน้อย กล่าวว่า ขณะนี้ปัญหาชาวบ้านบุกรุกเริ่มลดลงไปมากแล้ว แต่ปัญหากลุ่มนายทุนจากภาคใต้เข้ามาโค่นป่าชั้นในยังคงมีอยู่ ซึ่งหลายส่วนทั้งทหารหน่วยเฉพาะกิจจงอางศึก กองกำลังสุรสีห์ ตำรวจตระเวนชายแดนที่ 14 ค่ายพระมงกุฎเกล้า ฝ่ายปกครอง เจ้าหน้าที่เขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่าฯ มีการสนธิกำลังออกลาดตระเวนตลอดเวลา พบว่าเขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่าอุทยานเสด็จในกรม กรมหลวงชุมพร ที่มีอยู่เกือบ 2 แสนไร่หลายปีถูกบุกรุกไปแล้วเกือบ 1 แสนไร่
พ.ต.เฉลิมพล คุปตะวาทิน ผู้บังคับกองร้อยทหารพรานที่ 1403 บ้านคีรีล้อม กล่าวว่า ภายหลังเข้าตรวจและลงพิกัดแล้วได้แจ้งให้ทางนายวีระ ศรีวัฒนตระกุล ผู้ว่าราชการจังหวัดประจวบคีรีขันธ์ นายอำเภอบางสะพานน้อย ทหารชุดเฉพาะกิจจงอางศึก กองกำลังสุรสีห์ ตำรวจตระเวนชายที่ 14 ค่ายพระมงกุฎเกล้า เจ้าหน้าที่เขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่าอุทยานเสด็จในกรม กรมหลวงชุมพร ด้านทิศเหนือ รับทราบ และเดินทางเข้าพื้นที่เพื่อเข้าไปทำการตรวจสอบและบันทึก พร้อมเตรียมตีตรายึดไม้ทั้งหมด
ขณะที่ นายสุทธิพงษ์ คล้ายอุดม นายอำเภอบางสะพานน้อย, นายไพโรจน์ ไกรทอง ปลัดอำเภอบางสะพานน้อย ฝ่ายความมั่นคง, พ.อ.ทนงศักดิ์ มหาวงค์ รองผู้บังคับการหน่วยเฉพาะกิจจงอางศึก กรมทหารราบที่ 9, ทหารพรานที่ 1403 ,ตชด.14 ค่ายพระมงกุฎเกล้า ผู้ใหญ่บ้านหมู่ 8 ชาวบ้านและเด็กนักเรียนโรงเรียนมูลนิธิไทย ได้ร่วมกันทำพิธีบวชป่าและสาปแช่งผู้ที่เข้ามาโค่นป่า
ด้าน นายวีระ ศรีวัฒนตระกูล ผู้ว่าราชการจังหวัดประจวบคีรีขันธ์ กล่าวว่า ได้รับรายงานแล้ว ที่ผ่านมามีนโยนบายที่ชัดเจนในการที่จะช่วยกันปกป้องผืนป่า ซึ่งที่ผ่านมาหลายหน่วยงานทำงานอย่างเต็มที่เพราะเราตรวจสอบยึดคืนป่ามาหลายพันไร่ในขณะนี้ ซึ่งพื้นที่เขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่าอุทยานฯ กรมหลวงชุมพร ด้านทิศเหนือหลายปีพบมีข้อมูลบุกรุกซึ่งมีการจับดำเนินคดีต่อเนื่อง
“ทราบว่าวันนี้ทหารพรานลาดตระเวนและตรวจยึดไม้ที่ถูกโค่นได้ประมาณ 30 ท่อน ซึ่งรายงานว่ามีการโค่นประมาณ 1-2 อาทิตย์ที่ผ่านมา ตอนนี้ได้สั่งการให้เจ้าหน้าที่เขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่าอุทยานเสด็จในกรม กรมหลวงชุมพร ด้านทิศเหนือ ตรวจสอบปริมาตรไม้ทั้งหมดที่ยึดไว้ และให้เข้าแจ้งความต่อพนักงานสอบสวน สภ.บางสะพานน้อย เพื่อติดตามหาตัวผู้กระทำความผิดมาดำเนินคดีตามกฎหมายต่อไป”