ชาวประทิว-บางสะพานน้อย รวมตัวค้าน บ.ทรัพย์สินชุมพรฯ ใช้ที่ดินสาธารณะผุดท่าเรือน้ำลึก

ประจวบคีรีขันธ์ - ชาวบ้าน 2 จังหวัดในพื้นที่ อ.ประทิว จังหวัดชุมพร กับ อ.บางสะพานน้อย จังหวัดประจวบฯ รวมตัวคัดค้านสำนักงานที่ดินชุมพร อนุญาตให้บริษัท ทรัพย์สินชุมพรธานี ใช้ที่ดินสาธารณประโยชน์เอื้อสร้างท่าเรือน้ำลึกที่หมู่ 3 ต.ปากคลอง ที่ชุมพร เพื่อรองรับโครงการโรงไฟฟ้านิวเคลียร์ โรงไฟฟ้าถ่านหิน และโรงถลุงเหล็ก

เมื่อเวลา 13.00 น.วันนี้ (28 ส.ค.) ชาวบ้านประมาณ 200 คน จากกลุ่มอนุรักษ์บ้านถ้ำธง บ้านทุ่งมหา ต.ปากคลอง อ.ปะทิว จ.ชุมพร ร่วมกับชาวบ้านบางเบิด ต.ทรายทอง อ.บางสะพานน้อย จ.ประจวบคีรีขันธ์ เดินทางมารวมตัวที่วัดบางเบิด หมู่ที่ 5 ตำบลทรายทอง อ.บางสะพานน้อย จ.ประจวบคีรีขันธ์ นำโดย น.ส.จันทิมา แก้วเทียมทอง ชาวบ้านบ้านปากคลอง อ.ปะทิว นายประดิษฐ์ พานิช ชาวบ้านบ้านบางเบิด เพื่อรับฟังข้อมูลและร่วมกันคัดค้านการก่อสร้างท่าเรือน้ำลึกที่หมู่ 3 ต.ปากคลอง เพื่อรองรับโครงการโรงไฟฟ้านิวเคลียร์ โรงไฟฟ้าถ่านหิน และ โรงถลุงเหล็ก

หลังจากก่อนหน้านี้ แกนนำได้ยื่นหนังสือถึงนายอำเภอปะทิว เพื่อขอคัดค้านประกาศจากสำนักงานที่ดินจังหวัดชุมพร สาขาปะทิว กรณีอนุญาตให้บริษัท ทรัพย์สินชุมพรธานี จำกัด ขอให้พื้นที่สาธารณประโยชน์ดังกล่าว เนื่องจากเกรงว่าจะส่งผลกระทบกับวิถีชีวิตชุมชนและสิ่งแวดล้อม การท่องเที่ยว

น.ส.จันทิมา แก้วเทียมเทศ อายุ 40 ปี บ้านเลขที่ 2/42 หมู่ที่ 3 บ้านปากคลอง กล่าวว่า สาเหตุที่มารวมตัวกัน เนื่องจากที่ผ่านมาสำนักงานที่ดินจังหวัดชุมพร สาขาปะทิว ได้อนุญาตให้บริษัท ทรัพย์สินชุมพรธานี จำกัด ใช้พื้นที่เพื่อประโยชน์ในการก่อสร้างท่าเรือน้ำลึก ซึ่งลักษณะของโครงการดังกล่าว เป็นโครงการขนาดใหญ่ ที่รองรับอุตสาหกรรมหนัก ซึ่งจะส่งผลกระทบต่อวิถีชีวิตชุมชน ดังนั้น กลุ่มชาวบ้านในพื้นที่ตำบลปากคลอง จึงรวมตัวกันและประสานพลังประชาชนในพื้นที่ใกล้เคียงแลกเปลี่ยนความคิดเห็นและฟังข้อมูลจากนอกพื้นที่

ด้าน นายประดิษฐ์ พานิช อายุ 49 ปี บ้านเลขที่ 61/3 หมู่ที่ 5 ต.ทรายทอง อ.บางสะพานน้อย กล่าวว่า ในพื้นที่บ้านบางเบิด ถือว่าเรื่องดังกล่าวเป็นเรื่องใหม่ ส่วนตำบลทรายทอง มีพื้นที่ติดกับตำบลปะทิว ดังนั้น ชาวบ้านจึงตื่นตัวเดินทางมารับฟังข้อมูล ในเบื้องต้นชาวบ้านบ้านบางเบิดเตรียมจัดตั้งกลุ่มเพื่อที่ประสานรับฟังข้อมูลและร่วมทำกิจกรรม เพื่อคัดค้านโครงการที่จะมากระทบกับวิถีชุมชนและสิ่งแวดล้อมแล้วพร้อมกับเชิญแกนนำกลุ่มอนุรักษ์จากพื้นที่อื่นมาให้แนวทางการติดตามปัญหา