ศูนย์ข่าวนครราชสีมา - ป่าไม้โคราช แฉพบรีสอร์ตบุกรุกป่าสงวนฯ ป่าเขาภูหลวง อ.วังน้ำเขียว เพิ่มอีก 20 แห่ง ลุยสำรวจพิกัดชงกรมป่าไม้สั่งดำเนินคดี และให้รื้อถอนเช่นเดียวกับล็อตแรก 22 แห่ง ส่วนล็อตสอง 17 รายรอแจ้งจับ ขณะป้ายประกาศแจ้งการตรวจยึดดำเนินคดี 22 รีสอร์ตรุกป่าล็อตแรกถูกถอนทำลายเกลี้ยง สั่งแจ้งจับฐานทำลายทรัพย์สินของทางราชการพ่วงด้วย
วันนี้ (28 ส.ค.) นายสุเทพ ปวเรศวิทยาฬาร ผู้อำนวยการสำนักจัดการทรัพยากรป่าไม้ที่ 8 (นครราชสีมา) เปิดเผยถึงการดำเนินการกับผู้บุกรุกสร้างรีสอร์ตบ้านพักในเขตป่าสงวนแห่งชาติป่าเขาภูหลวง อ.วังน้ำเขียว จ.นครราชสีมา ว่า นอกจากจากรีสอร์ตบ้านพัก22 แห่ง ล็อตแรกที่บุกรุกป่าสงวนฯ บริเวณเขาแผงม้า รวมพื้นที่ 736 ไร่ ที่เจ้าหน้าที่แจ้งความดำเนินคดีไปแล้ว และ อีก 17 แห่งล็อตสองที่อยู่ระหว่างการยืนยันข้อมูลเพื่อแจ้งความดำเนินคดี นั้น ล่าสุดจากการออกสำรวจพื้นที่เพิ่มเติมของเจ้าหน้าที่พบว่า มีรีสอร์ตบ้านพักอีกประมาณ 20 ราย ที่เข้าข่ายบุกรุกป่าสงวนแห่งชาติป่าเขาภูหลวง บริเวณเขาแผงม้า อ.วังน้ำเขียว โดยส่วนใหญ่ตั้งอยู่บริเวณหลังเขา ซึ่งขณะนี้ทางเจ้าหน้าที่สำนักจัดการทรัพยากรป่าไม้ที่ 8 นครราชสีมา ได้ทำการสำรวจพิกัดที่ตั้งของรีสอร์ตบ้านพักที่เข้าข่ายต้องสงสัยดังกล่าวไว้ทั้งหมดแล้ว และเตรียมส่งข้อมูลทั้งหมดไปยังกรมป่าไม้เพื่อนำไปเปรียบเทียบกับภาพถ่ายทางอากาศและแผนที่เพื่อยืนยันว่าเป็นการบุกรุกพื้นที่ป่าสงวนแห่งชาติป่าเขาภูหลวงหรือไม่
ทั้งนี้ คาดว่า ผลการตรวจสอบน่าจะออกมาพร้อมกันกับผลการตรวจสอบยืนยันข้อมูลรีสอร์ตบ้านพักเข้าข่ายบุกรุกป่าจำนวน 17 แห่ง ที่ส่งไปก่อนหน้านี้ พร้อมมีคำสั่งดำเนินการเช่นเดียวกับรีสอร์ตบ้านพัก 22 แห่งล็อตแรกต่อไป แต่ทั้งนี้น่าจะหลังจากสิ้นสุดระยะเวลา 15 วันในการให้โอกาสเจ้าของรีสอร์ตบ้านพักทั้ง 22 แห่ง ที่ทางเจ้าหน้าที่ป่าไม้ได้แจ้งความดำเนินคดีได้เข้าชี้แจงหลักฐานเอกสารสิทธิ์การครอบครองเป็นที่เรียบร้อยแล้ว เพื่อให้การรวบข้อมูลเอกสารหลักฐานต่างๆ ชัดเจนสมบูรณ์รัดกุมมากที่สุด
นายสุเทพ กล่าวต่อว่า สำหรับความคืบหน้าการดำเนินการกับรีสอร์ตบ้านพัก 22 แห่ง ล็อตแรกที่แจ้งความดำเนินคดีแล้ว และเจ้าหน้าที่ได้เข้าติดป้ายแจ้งการถูกตรวจยึดจับกุมดำเนินคดีไปแล้วทั้ง 22 แห่ง ตั้งแต่วันที่ 25-26 ส.ค.เพื่อไม่ให้มีการบุกรุกเพิ่มเติมและให้เจ้าของรีสอร์ตบ้านพัก นำหลักฐานการครอบครองสิทธิ์มาแสดงกับเจ้าหน้าที่ภายใน 15 วัน นั้น จนถึงขณะนี้ยังไม่มีผู้ใดติดต่อเข้าแสดงตัวและชี้แจงหลักฐานสิทธิ์การถือครองพื้นที่กับทางพนักงานสอบสอนแม้แต่รายเดียว มีเพียงบางส่วนประมาณ 3-4 ราย ที่ได้นำเอกสารหลักฐานเป็นใบเสียภาษีบำรุงท้องที่ (ภบท.5) มาแสดงกับทางเจ้าหน้าที่ในขณะที่เข้าไปทำการติดป้าย ซึ่งเอกสาร ภบท.5ไม่สามารถใช้เป็นหลักฐานการถือครองที่ดินโดยชอบและไม่สามารถนำมาเป็นหลักฐานโต้แย้งการถูกดำเนินคดี หรือการดำเนินการสั่งรื้อถอนสิ่งปลูกสร้างออกจากพื้นที่ได้
ดังนั้น หากยังไม่มีเจ้าของรีสอร์ตบ้านพักรายใดนำหลักฐานมาแสดงกับทางเจ้าหน้าที่ ทางสำนักจัดการทรัพยากรป่าไม้ที่ 8 นครราชสีมา ก็จำเป็นต้องใช้อำนาจตามมาตรา 25 พ.ร.บ.ป่าสงวนแห่งชาติ พ.ศ. 2507 ออกประกาศให้รีสอร์ตบ้านพักทั้งหมด รื้อถอนสิ่งปลูกสร้างออกจากพื้นที่ภายใน 45 วันต่อไป
นอกจากนี้ จากการที่ได้ส่งเจ้าหน้าที่ไปสำรวจยังจุดที่มีการติดป้ายแจ้งการตรวจยึดจับกุมดำเนินคดี ทั้ง 22 แห่งดังกล่าว กลับพบว่า มีการรื้อถอนป้ายออกไปทั้งหมดแล้ว ซึ่งในกรณีนี้ทางสำนักจัดการทรัพยากรป่าไม้ที่ 8 นครราชสีมา ถือว่าทางเจ้าของพื้นที่ได้รับทราบแล้วว่าพื้นที่ของตัวเองได้ถูกตรวจยึดจับกุมดำเนินคดีแล้ว ดังนั้น หากไม่ดำเนินการนำเอกสารหลักฐานมาชี้แจงกับเจ้าหน้าที่ ต้องบังคับใช้อำนาจตาม ม.25 พ.ร.บ.ป่าสงวนฯ ตามกรอบเวลาที่กำหนดไว้ต่อไป
“อีกทั้งการรื้อถอนป้ายประกาศดังกล่าวยังถือว่าเป็นการทำลายทรัพย์สินของทางราชการ ดังนั้นจึงได้สั่งการให้เจ้าหน้าที่ แจ้งความดำเนินคดีกับผู้ใดก็ตามที่รื้อถอนป้ายประกาศในข้อหาทำลายทรัพย์สินของทางราชการกับทางเจ้าหน้าที่ตำรวจ สภ.วังน้ำเขียว เรียบร้อยแล้ว” นายสุเทพ กล่าว
