ศูนย์ข่าวนครราชสีมา- ผู้ว่าฯ โคราชเรียกประชุมพนักงานสอบสวนคดีรีสอร์ต 22 แห่ง รุกป่าวังน้ำเขียว เผย อยู่ระหว่างรวบรวมพยานหลักฐานหาผู้กระทำผิด เตรียมส่งตำรวจ สภ.วังน้ำเขียว ลงพื้นที่พร้อม จนท.ป่าไม้ชี้จุดบุกรุกทั้ง 22 แห่งพรุ่งนี้ ด้าน ผบช.ภ.3 ระบุตำรวจพร้อมให้ความร่วมมือหากหน่วยงานใดต้องการขอกำลังเข้ามาพร้อมสนับสนุนเต็มที่ เผยทางการข่าวยังไม่พบเคลื่อนไหวมือปืนในพื้นที่ ตร.ภาค 3
วันนี้ (24 ส.ค.) เมื่อเวลา 11.30 น. พ.ต.อ.วชิรวิชญ์ กฤษณ์ฤทธิศักดิ์ รองผู้บังคับการตำรวจภูธรจังหวัด (รองผบก.ภ.จว.) นครราชสีมา เปิดเผยถึงการดำเนินคดีกับบ้านพักรีสอร์ต 22 แห่งบุกรุกป่าสงวนแห่งชาติ ป่าเขาภูหลวง บริเวณเขาแผงม้า อ.วังน้ำเขียว จ.นครราชสีมา ว่า ในช่วงเช้าที่ผ่านมาได้มีการประชุมหารือเกี่ยวกับการดำเนินคดีผู้บุกรุกผืนป่าสงวนแห่งชาติ ป่าเขาภูหลวง อ.วังน้ำเขียว จ.นครราชสีมา ที่ห้องประชุม 1 ชั้น 2 กองบัญชาการตำรวจภูธรภาค 3 อ.เมือง จ.นครราชสีมา โดยมี นายระพี ผ่องบุพกิจ ผู้ว่าราชการจังหวัดนครราชสีมา ในฐานะหัวหน้าชุดพนักงานสอบสวนคดีดังกล่าว เป็นประธานการประชุม และมีพนักงานสอบสวนจากฝ่ายจากเจ้าหน้าที่ตำรวจ , ฝ่ายปกครองและ หน่วยงานที่เกี่ยวข้องเข้าร่วมประชุมอย่างพร้อมเพรียง เพื่อติดตามความคืบหน้าการดำเนินคดี
โดยในเบื้องต้นได้มีการหารือกันในเรื่องการรวบรวมพยานหลักฐานเพิ่มเติม และคดียังไม่มีความคืบห้ามากนัก เนื่องจากจนถึงขณะนี้ยังไม่มีใครออกมาแสดงตัวว่าเป็นเจ้าของที่ดินที่ป่าไม้อ้างว่าบุกรุกที่ป่าสงวนแห่งชาติและได้แจ้งความดำเนินคดีไว้ ซึ่งในวันพรุ่งนี้ (25 ส.ค.) พนักงานสอบสวน สภ.วังน้ำเขียว จะลงพื้นที่พร้อมเจ้าหน้าที่ป่าไม้เพื่อนำไปชี้จุดรีสอร์ตทั้ง 22 แห่ง เพื่อประกอบสำนวนการสอบสวน และหาตัวผู้กระทำผิดมาดำเนินคดีต่อไป
ด้าน พล.ต.ท.เดชาวัต รามสมภพ ผู้บัญชาการตำรวจภูธรภาค 3 (ผบช.ภ.3) กล่าวถึงเรื่องเดียวกัน ว่า รายละเอียดในเรื่องการดำเนินคดีต้องให้ผู้ว่าราชการจังหวัด เป็นผู้ให้ข้อมูลในฐานะหัวหน้าพนักงานชุดสอบสวนคดีดังกล่าว ส่วนเจ้าหน้าที่ตำรวจเป็นเพียงผู้ช่วยเท่านั้น
อย่างไรก็ตาม เจ้าหน้าที่ตำรวจมีความพร้อมทุกอย่างที่จะให้ความร่วมมือในการดำเนินคดี หากมีการร้องขอกำลังเข้ามาก็สามารถให้การสนับสนุนได้ทันที หากได้รับการประสานงานมา ไม่ว่าเป็นเรื่องใดก็พร้อมที่จะปฏิบัติตามทุกอย่าง และหากหน่วยงานที่เกี่ยวกับคดีดังกล่าวมีการขอกำลังเจ้าหน้าที่ตำรวจเข้ามาก็พร้อมที่จะให้การสนับสนุนในทุกกรณี โดยได้จัดกำลังเตรียมพร้อมอยู่แล้ว
ส่วนกรณีมีกระแสข่าวการเคลื่อนไหวมือปืนในเขตอุทยานแห่งชาติทับลาน นั้น จากการตรวจสอบจนถึงขณะนี้ก็ยังไม่พบว่ามีกลุ่มมือปืนเข้ามาในพื้นที่รับผิดชอบของตำรวจภูธรภาค 3 แต่อย่างใด และจนถึงขณะนี้ยังไม่มีใครร้องขอกำลังเจ้าหน้าที่ตำรวจเข้าไปให้ความคุ้มครองดูแล