ลำปาง - พ่อแม่ญาติพี่น้องและชาวบ้านแจ้ซ้อนเหนือ ร้องขอความเป็นธรรมให้เด็กหญิงเบญจมาศ วัย 11 ขวบ หลังถูกปลัด อบต.แจ้ซ้อนเมาสุราขับรถชนจนเสียชีวิตและไม่สนใจเข้ามาดูแล แต่โยนเงินให้ 3 หมื่นอ้างเห็นแก่มนุษยธรรม ญาติยันจะยังไม่เผาศพจนกว่าคนผิดจะได้รับโทษ
รายงานข่าวจากจังหวัดลำปางแจ้งว่า ที่บ้านเลขที่ 201 ม.11 บ้านแจ้ซ้อนเหนือ ต.แจ้ซ้อน อ.เมืองปาน จังหวัดลำปาง ชาวบ้านในหมู่บ้านต่างมาช่วยงานและช่วยทำอาหารเพื่อเลี้ยงแขกที่มาร่วมงานศพของเด็กหญิงเบญจมาศ รักดี อายุ 11 ขวบ โดยผู้ที่มาร่วมงานต่างจับกลุ่มวิพากษ์วิจารณ์ถึงสาเหตุของการเสียชีวิตของเด็กหญิงเบญจมาศ หรือน้องเบญ
ด้าน นางมีนา สุเรียมมา มารดา เล่าว่า ตนกับสามีคือบิดาของน้องเบญได้แยกทางกันและน้องเบญได้มาอยู่กับย่า และเข้าเรียนที่โรงเรียนแจ้ซ้อนวิทยา ชั้น ป.6 วันที่เกิดเหตุคือ ค่ำของวันที่ 8 ส.ค.ที่ผ่านมา ขณะที่น้องเบญขี่จักรยานยนต์เพื่อไปส่งญาติกลับบ้านในหมู่บ้าน เมื่อไปถึงที่เกิดเหตุซึ่งเป็นถนนภายในหมู่บ้าน เลยสถานีอนามัยไปเล็กน้อย มีรถปิกอัพวีโก้ขับสวนมาด้วยความเร็ว จนรถจักรยานยนต์ที่ขับมาด้วยกันอีก 2 คันต้องขับหลบเข้าป่าอ้อยข้างทาง
แต่น้องเบญหลบไม่ทัน จึงถูกรถคันดังกล่าวชนคว่ำกลางถนน และผู้ที่เป็นคนขับรถคันดังกล่าวก็คือ นายยืน กันทะมูล อายุ 44 ปี ปลัด อบต.แจ้ซ้อน เมื่อเกิดเหตุนายยืนไม่ยอมลงมาจากรถ จนชาวบ้านและผู้ที่เห็นเหตุการณ์ต้องมาทุบประตูรถของนายยืนเพื่อเรียกให้ลงมาดู ซึ่งขณะนั้นนายยืนยังมีสภาพเมาสุรานั่งฟุบกับพวงมาลัยและเปิดเพลงเสียงดัง และเมื่อนายยืนเปิดประตูรถลงมาก็ได้ตะโกนด่าทอและใช้เท้าถีบรถจักรยานยนต์ของน้องเบญซึ่งติดอยู่บริเวณหน้ารถออกแล้วขึ้นไปถอยรถออกจากที่เกิดเหตุโดยไม่สนใจใยดีต่อผู้บาดเจ็บทั้งสองคน
หลังจากนั้นพลเมืองดีได้นำตัวน้องเบญและผู้ที่ซ้อนท้ายไปส่งที่โรงพยาบาลเมืองปาน แต่อาการของน้องเบญสาหัสจึงถูกส่งไปรักษาต่อที่โรงพยาบาลลำปาง ซึ่งระหว่างที่น้องเบญอยู่ที่โรงพยาบาล นายยืนไม่เคยแสดงความมีน้ำใจไปดูแลเลย จนกระทั่งวันที่ 17 ส.ค.น้องเบญได้เสียชีวิต และญาตินำศพมาไว้ที่บ้าน และวันรุ่งขึ้นจึงได้ไปพบกับเจ้าหน้าที่ตำรวจ เพื่อติดตามคดี
เบื้องต้นทางญาติของให้นายยืนช่วยเหลือค่าทำศพของน้องเบญ 3 หมื่นบาท แต่นายยืนต้องการให้เพียง 5 พันบาทเท่านั้น ทำให้ญาติและเพื่อนบ้านไม่พอใจเพราะเห็นว่าเป็นการดูถูกความเป็นมนุษย์อย่างมาก และไร้ซึ่งคุณธรรม จึงได้นำมวลชนไปที่ สภ.แจ้ซ้อน จนกระทั่งล่าสุดนายยืนได้ให้เงินค่าทำศพเป็นจำนวนเงิน 3 หมื่นบาท โดยอ้างว่าเป็นค่ามนุษยธรรมและไม่มาดูแลอีกเลย
ทั้งนี้ มารดาของน้องเบญและญาติพี่น้องรวมถึงเพื่อนบ้านจะยังไม่เผาศพน้องเบญ จากเดิมกำหนดฌาปณกิจไว้ในวันพรุ่งนี้ โดยจะเลื่อนไปโดยไม่มีกำหนดจนกว่าคดีจะกระจ่างชัดและให้ผู้ที่กระทำผิดได้รับโทษ แม้ในส่วนของชาวบ้านจะยังคลางแคลงต่อการทำงานของเจ้าหน้าที่ตำรวจว่าทำงานเข้าข้างปลัด อบต.คนดังกล่าว โดยชาวบ้านในหมู่บ้านได้ระบุว่านายยืนปกติจะเป็นคนที่ชอบดื่มสุราเป็นประจำ และเมื่อเมาแล้วก็มักจะขับรถเสียงดังไปทั่วหมู่บ้าน แต่ชาวบ้านก็ไม่กล้าร้องเรียนเนื่องจากมีความเกรงกลัวเพราะเป็นปลัด อบต. นอกจากนี้ นายยืนยังเคยมีประวัติการเข้ารักษาตัวที่โรงพยาบาลสวนปรุงจังหวัดเชียงใหม่ด้วย
ส่วนทางด้าน พ.ต.ท.ทวี หมุดดี พนักงานสอบสวน เจ้าของคดี ได้กล่าวว่า ตนได้ทำหน้าที่ด้วยความเป็นธรรมแก่ทั้งสองฝ่ายแล้ว โดยไม่ได้เข้าข้าง ปลัด อบต.แต่อย่างใด แต่การทำงานของเจ้าหน้าที่ต้องอิงกับพยานหลักฐาน ซึ่งอาจจะช้าและทำให้ชาวบ้านไม่เข้าใจ ซึ่งขณะนี้ตนเพิ่งได้รับผลตรวจเลือดของนายยืนที่ส่งให้ทางโรงพยาบาลเมืองปานตรวจระดับแอลกอฮอล์ ปรากฏว่ามีแอลกอฮอล์ในเลือด 170 มิลลิกรัมเปอร์เซ็นต์ ซึ่งสูงกว่าที่กฎหมายกำหนด ตนก็ต้องพ่วงเรื่องนี้เข้าไปในคดีด้วย ซึ่งขณะนี้ก็อยู่ระหว่างการสอบปากคำผู้ที่อยู่ในเหตุการณ์ทั้งหมดก่อนจึงจะสามารถแจ้งข้อกล่าวหาได้ ซึ่งตนอยากให้ทางญาติพี่น้องของผู้ที่เสียชีวิตสบายใจว่าตนจะทำหน้าที่ด้วยความยุติธรรมที่สุด