พะเยา - สหกรณ์ยางฯพะเยา ออกแนวเกี่ยง “ค่าแรง 300-ป.ตรี 15,000 บาท” บอกต้องดูผลประกอบการ-ประสิทธิภาพพนักงาน เผยทุกวันนี้จ้าง 4,500-7,500 บาท/เดือน พร้อมเดินหน้าเพาะกล้ายาง 5 แสนต้นสนองความต้องการที่พุ่งสูง จนราคากล้ายางพาราปีนี้ทะลุ 60-80 บาทแล้ว
นายเจตพร สังข์ทอง ผู้จัดการสหกรณ์ชาวสวนยางพะเยา จำกัด เปิดเผยว่า จากนโยบายของรัฐบาลพรรคเพื่อไทย (พท.) เรื่องการปรับค่าแรงวันละ 300 บาท และผู้ที่จบปริญญาตรีเดือนละ 15,000 บาทนั้น ทางสหกรณ์ฯ ได้ให้ความสำคัญเรื่องนี้เช่นกัน เบื้องต้นได้หารือนอกรอบกับคณะกรรมการสหกรณ์ฯ ถึงความเป็นไปได้ในการปรับค่าแรงของพนักงานในสหกรณ์ฯ ว่า จะสามารถปรับได้ช้าหรือเร็วเพียงใด ซึ่งต้องขอเวลาศึกษารายละเอียดและผลประกอบการของสหกรณ์ฯ ว่ามีภาระค่าใช้จ่ายมากน้อยอย่างไรบ้าง
“การปรับค่าแรงถือว่าเป็นการสร้างขวัญและกำลังใจแก่พนักงานอย่างมาก ทั้งนี้ก็ต้องพิจารณาประกอบด้วยว่าภารกิจของพนักงานที่ได้รับผิดชอบแต่ละตำแหน่ง มีหน้าที่ในการทำงานเหมาะสมและมีประสิทธิภาพอย่างไรบ้าง ซึ่งหากจะต้องเพิ่มค่าตอบแทนการทำงานก็ต้องมีประสิทธิภาพสูงควบคู่ตามไปด้วย แต่ขณะนี้พนักงานได้รับเงินเดือนค่าตอบแทนตามวุฒิการศึกษาตั้งแต่ 4,500-7,500 บาท” นายเจตพรกล่าว
ส่วนแผนงานในอนาคต หลังจากรัฐบาลมีโครงการแจกจ่ายกล้ายางพาราให้แก่เกษตรกรในปีถัดไปจำนวนประมาณ 800,000 ไร่ ขณะเดียวกัน เกษตรกรมีความต้องการมากกว่าที่รัฐบาลจะจัดสรรงบประมาณสนับสนุน จึงต้องการจัดหาซื้อกล้ายางด้วยตนเอง พร้อมทั้งเลือกกล้ายางที่มีคุณภาพมั่นใจว่าปลูกแล้วมีน้ำยางเมื่อถึงเวลากรีด และจากการสังเกตพบว่าเกษตรกรที่มารับต้นกล้ายางแจกฟรีของราชการใน จ.พะเยา เกษตรกรได้ต้นกล้าไม่ครบ ต้องซื้อเพิ่มอีกส่วนหนึ่ง จนกล้ายางมีราคาประมาณต้นละ 60-80 บาท ทำให้เป็นโอกาสของผู้ประกอบการจำหน่ายกล้ายางส่วนใหญ่ที่สั่งต้นกล้าจากภาคใต้ขึ้นมาจำหน่ายกันจำนวนมาก
นายเจตพรกล่าวต่อว่า เมื่อความต้องการกล้ายางของเกษตรกรมีมากขึ้น ทางสหกรณ์ฯ จึงทำโครงการเพาะต้นกล้ายางพาราพันธุ์ดี เพื่อจำหน่ายให้แก่เกษตรกรที่เป็นสมาชิกสหกรณ์ฯ และเกษตรกรทั่วไปที่ต้องการต้นกล้ายางคุณภาพ โดยวางแผนเพาะต้นกล้าจำนวน 50,000 ต้นในเฟสแรกใช้งบประมาณ 1 ล้านบาท ผู้สนใจสามารถติดต่อสั่งจองไว้เพื่อปลูกในฤดูฝนของปีถัดไป
ทั้งนี้ เบื้องต้นได้นำเมล็ดพันธุ์ขึ้นมาจากภาคใต้แล้ว เตรียมการเพาะเมล็ดในแปลง จากนั้นเมื่อต้นยางงอกและมีอายุครบ 5 เดือน จะติดตาด้วยพันธุ์คุณภาพ ต้นกล้ายางพาราดังกล่าวเรียกว่าเป็นยางบัดดิ้ง ซึ่งมีให้เลือกหลายสายพันธุ์ตามที่เกษตรกรต้องการ เช่น RRIM 600, 251 หรือพันธุ์ที่เกษตรกรต้องการสามารถสั่งได้ทุกสายพันธุ์ ซึ่งราคาอยู่ที่ต้นละ 40-60 บาท ขึ้นอยู่กับสายพันธุ์
“มีการเปิดให้สั่งจองต้นกล้ายางพาราตั้งแต่บัดนี้เป็นต้นไปทั้งผู้ที่เป็นสมาชิกและเกษตรกรทั่วไป โดยต้องสั่งจองผ่านระบบของสหกรณ์ฯ ซึ่งสมาชิกมีสิทธิพิเศษจะได้ราคาถูกกว่าปกติต้นละ 5 บาท สามารถสั่งจองได้ที่ สำนักงานสหกรณ์ชาวสวนยางพะเยาฯ หมายเลขโทรศัพท์ 08-0841-5431 และ 08-0841-5438 ทุกวันจันทร์-ศุกร์ เวลา 08.30-16.30 น.” นายเจตพรกล่าว
นายเจตพร สังข์ทอง ผู้จัดการสหกรณ์ชาวสวนยางพะเยา จำกัด เปิดเผยว่า จากนโยบายของรัฐบาลพรรคเพื่อไทย (พท.) เรื่องการปรับค่าแรงวันละ 300 บาท และผู้ที่จบปริญญาตรีเดือนละ 15,000 บาทนั้น ทางสหกรณ์ฯ ได้ให้ความสำคัญเรื่องนี้เช่นกัน เบื้องต้นได้หารือนอกรอบกับคณะกรรมการสหกรณ์ฯ ถึงความเป็นไปได้ในการปรับค่าแรงของพนักงานในสหกรณ์ฯ ว่า จะสามารถปรับได้ช้าหรือเร็วเพียงใด ซึ่งต้องขอเวลาศึกษารายละเอียดและผลประกอบการของสหกรณ์ฯ ว่ามีภาระค่าใช้จ่ายมากน้อยอย่างไรบ้าง
“การปรับค่าแรงถือว่าเป็นการสร้างขวัญและกำลังใจแก่พนักงานอย่างมาก ทั้งนี้ก็ต้องพิจารณาประกอบด้วยว่าภารกิจของพนักงานที่ได้รับผิดชอบแต่ละตำแหน่ง มีหน้าที่ในการทำงานเหมาะสมและมีประสิทธิภาพอย่างไรบ้าง ซึ่งหากจะต้องเพิ่มค่าตอบแทนการทำงานก็ต้องมีประสิทธิภาพสูงควบคู่ตามไปด้วย แต่ขณะนี้พนักงานได้รับเงินเดือนค่าตอบแทนตามวุฒิการศึกษาตั้งแต่ 4,500-7,500 บาท” นายเจตพรกล่าว
ส่วนแผนงานในอนาคต หลังจากรัฐบาลมีโครงการแจกจ่ายกล้ายางพาราให้แก่เกษตรกรในปีถัดไปจำนวนประมาณ 800,000 ไร่ ขณะเดียวกัน เกษตรกรมีความต้องการมากกว่าที่รัฐบาลจะจัดสรรงบประมาณสนับสนุน จึงต้องการจัดหาซื้อกล้ายางด้วยตนเอง พร้อมทั้งเลือกกล้ายางที่มีคุณภาพมั่นใจว่าปลูกแล้วมีน้ำยางเมื่อถึงเวลากรีด และจากการสังเกตพบว่าเกษตรกรที่มารับต้นกล้ายางแจกฟรีของราชการใน จ.พะเยา เกษตรกรได้ต้นกล้าไม่ครบ ต้องซื้อเพิ่มอีกส่วนหนึ่ง จนกล้ายางมีราคาประมาณต้นละ 60-80 บาท ทำให้เป็นโอกาสของผู้ประกอบการจำหน่ายกล้ายางส่วนใหญ่ที่สั่งต้นกล้าจากภาคใต้ขึ้นมาจำหน่ายกันจำนวนมาก
นายเจตพรกล่าวต่อว่า เมื่อความต้องการกล้ายางของเกษตรกรมีมากขึ้น ทางสหกรณ์ฯ จึงทำโครงการเพาะต้นกล้ายางพาราพันธุ์ดี เพื่อจำหน่ายให้แก่เกษตรกรที่เป็นสมาชิกสหกรณ์ฯ และเกษตรกรทั่วไปที่ต้องการต้นกล้ายางคุณภาพ โดยวางแผนเพาะต้นกล้าจำนวน 50,000 ต้นในเฟสแรกใช้งบประมาณ 1 ล้านบาท ผู้สนใจสามารถติดต่อสั่งจองไว้เพื่อปลูกในฤดูฝนของปีถัดไป
ทั้งนี้ เบื้องต้นได้นำเมล็ดพันธุ์ขึ้นมาจากภาคใต้แล้ว เตรียมการเพาะเมล็ดในแปลง จากนั้นเมื่อต้นยางงอกและมีอายุครบ 5 เดือน จะติดตาด้วยพันธุ์คุณภาพ ต้นกล้ายางพาราดังกล่าวเรียกว่าเป็นยางบัดดิ้ง ซึ่งมีให้เลือกหลายสายพันธุ์ตามที่เกษตรกรต้องการ เช่น RRIM 600, 251 หรือพันธุ์ที่เกษตรกรต้องการสามารถสั่งได้ทุกสายพันธุ์ ซึ่งราคาอยู่ที่ต้นละ 40-60 บาท ขึ้นอยู่กับสายพันธุ์
“มีการเปิดให้สั่งจองต้นกล้ายางพาราตั้งแต่บัดนี้เป็นต้นไปทั้งผู้ที่เป็นสมาชิกและเกษตรกรทั่วไป โดยต้องสั่งจองผ่านระบบของสหกรณ์ฯ ซึ่งสมาชิกมีสิทธิพิเศษจะได้ราคาถูกกว่าปกติต้นละ 5 บาท สามารถสั่งจองได้ที่ สำนักงานสหกรณ์ชาวสวนยางพะเยาฯ หมายเลขโทรศัพท์ 08-0841-5431 และ 08-0841-5438 ทุกวันจันทร์-ศุกร์ เวลา 08.30-16.30 น.” นายเจตพรกล่าว