พัทลุง - หลังราคากล้ายางพาราในพื้นที่ จ.พัทลุงมีราคาสูงถึงต้นละ 50 บาท ส่งผลให้เกษตรกรผู้เพาะพันธ์กล้ายางพาราจำหน่ายสร้างรายได้เป็นจำนวนมาก เนื่องมาจากการที่ภาครัฐสนับสนุนให้ขยายพื้นที่ปลูกยางพาราในภาคอีสาน และในพื้นที่เร่งปลูกยางทดแทนที่ได้รับความเสียหายจากอุทกภัย
จากการที่รัฐบาล โดย สกย.ได้ส่งเสริมการปลูกยางพาราในพื้นที่ภาคอีสานเพิ่มในปีนี้ และประกอบกับในพื้นที่ภาคใต้ ประสบปัญหาอุทกภัย ทำให้สวนยางพาราล้มระเนระนาดได้รับความเสียหาย จนเกษตรกรเจ้าของสวนต้องเร่งขอทุนปลูกใหม่ โดยเฉพาะพื้นที่จังหวัดพัทลุง ได้รับความเสียหายประมาณ 80,000 ไร่ และบวกกับเกษตรกรขอทุนสวนยางเพื่อปลูกทดแทนสวนยางพาราที่หมดสภาพ ทำให้ราคากล้ายางในพื้นที่ มีราคาสูงถึงต้นละ 50 บาท และมีแนวโน้มที่สูงขึ้น เนื่องจากเม็ดพันธุ์ที่นำมาติดตาค่อนข้างหายาก เพราะฝนตกไม่ตรงตามฤดูกาล จนทำให้เกษตรที่เพาะชำต้นยางขาย สามารถสร้างรายได้เป็นทวีคูณ
นายสมพล สังข์ทอง อายุ 47 ปี อยู่บ้านเลขที่ 14/2 ม.12 ต.โคกสัก อ.บางแก้ว เจ้าของแปลงเพาะพันธุ์กล้ายางพารา กล่าวว่า ตนเพาะกล้ายางพาราในพื้นที่ 7 ไร่ โดยติดตายางตาเขียว เพาะพันธุ์กล้ายาง 251 ขายถุงละ 50 บาท พันธุ์กล้ายาง 600 ขายถุงละ 45 บาท และพันธุ์กล้ายางพาราซ่อม หมายถึงต้นที่ปลูกแล้วตายจะต้องซื้อพันธุ์กล้ายางพาราใหม่ไปปลูกทดแทน โดยพันธุ์กล้ายางพาราซ่อมนี้จะมีความสูงประมาณ 1 เมตร จะขายให้เกษตรกรถุงละ 80 บาท
โดยในแต่ละวันจะมีเกษตรกรเข้ามาซื้อกล้าพันธุ์ยางพาราไปปลูกเฉลี่ย 2,000-10,000 ถุง โดยลูกค้ามีทั้งในพื้นที่ จ.พัทลุง และจังหวัดใกล้เคียง
นายสมพลยังกล่าวอีกว่า ปีนี้ถือเป็นปีทองเกษตรกรที่เพาะเลี้ยงกล้ายางพาราขาย โดยก่อนหน้านี้ราคาต้นกล้ายางจะอยู่ที่ 12-15 บาทเท่านั้น แต่ปีนี้มีราคาสูงเท่าตัว ทำให้สารามารถสร้างรายได้หลายเท่าตัว และยิ่งช่วงนี้เริ่มหน้าฝนของจังหวัดพัทลุง เกษตรที่ประสบอุทกภัยต่างเร่งหาพันธุ์เพาะทำการปลูก จนเจ้าของแปลงกล้ายางผลิตยางชำถุงออกมาขายแทบไม่ทัน