xs
xsm
sm
md
lg

บุรีรัมย์รุดแจงชาวบ้านสั่ง จนท.คุมเข้มพื้นที่ชายแดน 24 ชม.-เกษตรกรผวาเกิดปะทะ

เผยแพร่:   โดย: MGR Online

นายสุจินต์ วาจากิจ  นายอำเภอบ้านกรวด ลงพื้นที่ชี้แจงทำความเข้าใจชาวบ้าน ต.จันทบเพชร อ.บ้านกรวด จ.บุรีรัมย์ ติดแนวชายแดนไทย-กัมพูชา ไม่ให้ตื่นตระหนกและใช้ชีวิตตามปกติ  วันนี้ ( 19 ก.ค.)
บุรีรัมย์ - นอภ.บ้านกรวด จ.บุรีรัมย์ ลงพื้นที่แจงชาวบ้านตามแนวชายแดน ไม่ให้ตื่นตระหนกหลังศาลโลกให้ไทย-กัมพูชา ถอนทหารรอบปราสาทพระวิหาร กำชับ กำนัน-ผญบ.-ชรบ.ดูแลความปลอดภัย หาข่าวในพื้นที่ และให้ ตชด.-ทหารพราน-อส.เพิ่มความเข้มงวดลาดตระเวนตลอด 24 ชม.พร้อมเตรียมอพยพปชช.พื้นที่เสี่ยงภัย ขณะเกษตรกรชาวสวนยางวอนทั้ง 2 ประเทศ เร่งเจรจาหาข้อสรุปอย่างสันติ หวั่นปะทะซ้ำกระทบรายได้ ทหาร 2 ฝ่ายยังตรึงกำลังตามแนวชายแดน

วันนี้ (19 ก.ค.) นายสุจินต์ วาจากิจ นายอำเภอบ้านกรวด จ.บุรีรัมย์ พร้อมเจ้าหน้าที่ฝ่ายปกครอง ได้ลงพื้นที่ชี้แจงทำความเข้าใจชาวบ้าน ในหมู่บ้านสายโท 6 ใต้ และสายโท 8 ใต้ ต.จันทบเพชร อ.บ้านกรวด ซึ่งเป็นหมู่บ้านเสี่ยงภัยที่อยู่ติดแนวชายแดนไทย-กัมพูชา ประมาณ 4-5 กิโลเมตร (กม.) ไม่ให้ตื่นตระหนกและให้ใช้ชีวิตตามปกติ หลังศาลยุติธรรมระหว่างประเทศ หรือศาลโลก มีคำวินิจฉัยออกมาตรการชั่วคราวให้ทั้งไทยและกัมพูชาถอนกำลังทหาร ออกจากพื้นที่รอบปราสาทพระวิหาร

พร้อมกันนี้ ยังได้กำชับให้กำนัน-ผู้ใหญ่บ้าน และชุดรักษาความปลอดภัยหมู่บ้าน (ชรบ.) ได้ดูแลรักษาความปลอดภัย และหาข่าวความเคลื่อนไหวในพื้นที่หมู่บ้านของตนเอง หากพบสิ่งผิดปกติหรือเหตุการณ์ไม่น่าไว้วางใจ ให้รายงานทางอำเภอ หรือหน่วยงานที่เกี่ยวข้องได้รับทราบทันที อย่างไรก็ตาม ขณะนี้สถานการณ์ตามแนวชายแดนในพื้นที่ จ.บุรีรัมย์ ยังเป็นปกติไม่มีเหตุการณ์ความรุนแรงใดๆ เกิดขึ้น

นายสุจินต์ วาจากิจ นายอำเภอบ้านกรวด กล่าวว่า ส่วนมาตรการในการดูแลรักษาความสงบเรียบร้อยตามแนวชายแดน ได้กำชับให้ ตำรวจตระเวนชายแดน (ตชด.) ทหารพราน และ อาสาสมัครรักษาดินแดน (อส.) เพิ่มความเข้มงวดในการออกลาดตระเวนมากขึ้นตลอด 24 ชั่วโมง (ชม.) นอกจากนี้ ยังได้เตรียมแผนรองรับ หากเกิดเหตุการณ์ปะทะระหว่างทหารไทยกับฝ่ายกัมพูชาขึ้น ซึ่งได้จัดเตรียมศูนย์พักพิง และกำลังเจ้าหน้าที่ เพื่อเตรียมความพร้อมในการอพยพประชาชนในพื้นที่เสี่ยงภัยไว้แล้ว

ขณะที่เกษตรกรสมาชิกกองทุนสวนยางนิคมบ้านกรวด อ.บ้านกรวด กว่า 200 ราย ที่มาร่วมประชุมวิสามัญประจำปี ที่สหกรณ์กองทุนสวนยางนิคมบ้านกรวด ต่างมีความเห็นต้องการให้เหตุการณ์ตามแนวชายแดนไทย-กัมพูชา สงบ ไม่อยากให้เกิดการปะทะกันขึ้นซ้ำอีก เพราะเกรงจะส่งผลกระทบกับวิถีชีวิตของเกษตรกรผู้ปลูกยางพาราในพื้นที่กว่า 2,740 ราย มีพื้นที่ปลูกยางกว่า 56,000 ไร่ ซึ่งเป็นอำเภอที่ปลูกยางพารามากที่สุดในภาคอีสาน ขณะนี้เปิดกรีดไปแล้วกว่า 28,000 ไร่ สร้างรายได้ให้กับเกษตรกรปีละ 2,000-3,000 ล้านบาท หรือเฉลี่ยวันละ 20-30 ล้านบาท หากเกิดเหตุปะทะกันตามแนวชาย ก็จะส่งผลกระทบให้เกษตรกรไม่สามารถเข้าไปกรีดยางในพื้นที่เสี่ยงภัย และจะทำขาดรายได้

กลุ่มเกษตรกรชาวสวนยางพารา อ.บ้านกรวด จึงเรียกร้องให้รัฐบาลทั้งสองประเทศได้เร่งเจรจาแก้ไขปัญหาอย่างสันติ และสร้างสัมพันธ์ที่ดีต่อกันอย่างเช่นที่ผ่านมา ซึ่งถึงแม้ศาลโลกจะวินิจฉัยตัดสินให้ทั้งสองฝ่ายถอนกำลังทหารออกจากพื้นที่รอบประสาทพระวิหาร แต่ยังไม่มั่นใจในความปลอดภัย เพราะเกษตรกรต้องออกไปกรีดยางในเวลากลางคืน เพราะตามแนวชายแดนยังมีการตรึงกำลังทหารทั้ง 2 ฝ่าย อยู่ในพื้นที่

ทางด้าน นายมงคล เกศกนกวงศ์ นักวิชาการส่งเสริมการเกษตร ชำนาญการอำเภอบ้านกรวด กล่าวว่า เกษตรกรส่วนมากเห็นด้วยกับการตัดสินของศาลโลก แต่ก็ยังไม่มีความมั่นใจเกรงจะเกิดการปะทะขึ้นซ้ำอีก จึงอยากร้องขอให้รัฐบาลทั้งสองประเทศได้เร่งเจรจาหาข้อสรุปกันอย่างสันติโดยเร็ว เพราะชาวอำเภอบ้านกรวดส่วนใหญ่ประกอบอาชีพทำการเกษตร ปลูกข้าว ยางพารา อ้อย และมันสำปะหลังอยู่ตามพื้นที่แนวชายแดน หากเกิดการปะทะจะทำให้เกษตรกรขาดรายได้อย่างมาก



นายสุจินต์ วาจากิจ  นายอำเภอบ้านกรวด
กำลังโหลดความคิดเห็น