xs
xsm
sm
md
lg

“ผบช.ภ.3” พร้อมส่ง ตร.เข้าพื้นที่ชายแดน “เขาวิหาร” รอ “รัฐบาล-ผบ.ตร.” สั่งการ

เผยแพร่:   โดย: MGR Online

พล.ต.ท.เดชาวัต รามสมภพ ผบช.ภ.3
ศูนย์ข่าวนครราชสีมา - “ผบช.ภ.3” เผย พร้อมส่งกำลังตำรวจเข้าสนับสนุนปฏิบัติหน้าที่ดูแลพื้นที่ชายแดน “เขาพระวิหาร” หากไทยถอนทหารตามคำสั่งศาลโลก ระบุขึ้นอยู่กับนโยบายรัฐบาลและคำสั่ง “ผบ.ตร.” มั่นใจภาค 3 มีกำลังกว่า 2 หมื่นนายเพียงพอ เผย สั่งกำลังพลในสังกัดฝึกทบทวนการใช้อาวุธและยุทธวิธีการปฏิบัติในรูปแบบต่างๆ รวมทั้งเตรียมอาวุธยุทโธปกรณ์ ให้พร้อมรับภารกิจได้ทันทีที่มีคำสั่งจากผู้บังคับบัญชา

วันนี้ (20 ก.ค.) ที่กองบัญชาการตำรวจภูธรภาค 3 อ.เมือง จ.นครราชสีมา พล.ต.ท.เดชาวัต รามสมภพ ผู้บัญชาการตำรวจภูธรภาค 3 (ผบช.ภ.3) เปิดเผย ถึงการเตรียมพร้อมรับสถานการณ์แนวชายแดนไทย - กัมพูชา ภายหลังศาลยุติธรรมระหว่างประเทศ (ศาลโลก) มีคำวินิจฉัยออกมาตรการคุ้มครองชั่วคราวในคดีตีความคำพิพากษาคดีปราสาทพระวิหาร ปี 2550 โดยให้ประเทศไทยและกัมพูชาถอนกำลังทหารออกจากเขตปลอดทหารตามที่ศาลโลกกำหนด ว่า สถานการณ์โดยภาพรวมตามแนวชายแดนไทย-กัมพูชาในความรับผิดชอบของตำรวจภูธรภาค 3 ประกอบด้วย จ.สุรินทร์ บุรีรัมย์ และศรีสะเกษ ขณะนี้ทุกอย่างยังคงอยู่ในภาวะปกติ

ทั้งนี้ หากจะมีการดำเนินการใดๆ ทุกอย่างคงอยู่ภายใต้กรอบการพิจารณาสั่งการของทางรัฐบาล เช่นเดียวกับทางเจ้าหน้าที่ตำรวจ ก็ต้องรอฟังคำสั่งของผู้บังคับบัญชาว่าจะมีการสั่งการลงมาอย่างไร

สำหรับในส่วนของตนฐานะผู้บังคับบัญชาในพื้นที่ตำรวจภูธรภาค 3 ซึ่งประกอบด้วย 8 จังหวัดภาคอีสานตอนล่าง คือ นครราชสีมา, ชัยภูมิ, สุรินทร์, บุรีรัมย์, ศรีสะเกษ, ยโสธร, อำนาจเจริญ และ อบุลราชธานี ได้สั่งการให้เจ้าหน้าที่ตำรวจทุกท้องที่เตรียมพร้อม ทั้งในเรื่องของการฝึกทบทวนการใช้อาวุธและยุทธวิธีการปฏิบัติภารกิจในรูปแบบต่างๆ พร้อมทั้งมีการจัดเตรียมอุปกรณ์เครื่องใช้ อาวุธยุทโธปกรณ์ต่างๆ ให้มีความพร้อมเพื่อให้สามารถรับภารกิจได้ทันทีหากมีคำสั่งจากผู้บังคับบัญชาลงมา

พล.ต.ท.เดชาวัต กล่าวว่า ทั้งนี้ หากมีการถอนกำลังทหารออกจากพื้นที่ชายแดนเขาพระวิหาร ตามคำสั่งศาลโลก ทางตำรวจภูธรภาค 3 ก็จะรอดูนโยบายของทางรัฐบาลว่าจะออกมาในรูปแบบใด และรอฟังคำสั่งของผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ (ผบ.ตร.) ว่า จะสั่งการให้ทางตำรวจภูธรภาค 3 ปฏิบัติหน้าที่หรือรองรับภารกิจมากน้อยขนาดไหน ซึ่งเจ้าหน้าที่ตำรวจมีอยู่หลายส่วนด้วยกันทั้งในส่วนของกำลังหลักที่เป็นตำรวจภูธร และ ตำรวจตระเวนชายแดน (ตชด.)

การใช้กำลังในการดูแลรักษาพื้นที่จะเป็นไปตามคำสั่งของผู้บังคับบัญชา ว่าจะมีคำสั่งให้จัดกำลังหรือเสริมกำลังไปในพื้นที่ใดหรือรูปแบบใด เพราะตามปกติแล้วภารกิจของทางตำรวจภูธรภาค 3 จะเน้นในเรื่องของการดูแลรักษาความปลอดภัยในชีวิตและทรัพย์สินให้กับพี่น้องประชาชนที่อยู่ในพื้นที่รับผิดชอบ

สำหรับกำลังพลที่มีอยู่ขณะนี้นั้น มั่นใจว่า มีเพียงพอที่จะสนับสนุนการปฏิบัติหน้าที่ตามที่ได้รับมอบหมายได้ ทั้งนี้ในส่วนของกำลังพลที่มีอยู่ในพื้นที่รับผิดของทางตำรวจภูธรภาค 3 มีมากกว่า 20,000 นาย แต่หากต้องมีการเสริมหรือเพิ่มเติมกำลังใดๆ ก็จะประสานงานบูรณาการร่วมกันจากทั้งกำลังตำรวจในพื้นที่ใกล้เคียงและการสนับสนุน จากสำนักงานตำรวจแห่งชาติ (สตช.) แต่ทั้งนี้ต้องขึ้นอยู่กับคำสั่งของสำนักงานตำรวจแห่งชาติว่าจะมีการสั่งการลงมาในรูปแบบใด

“การทำหน้าที่ของทางเจ้าหน้าที่ตำรวจคงจะไม่ใช่การเข้าไปปฏิบัติภารกิจแทนกำลังทหาร เพราะภารกิจของตำรวจและทหารเป็นคนละภารกิจกัน แต่จะเป็นในรูปแบบของการสนับสนุนและเสริมการปฏิบัติหน้าที่ให้กับทางทหาร เพราะการรับผิดชอบหลักในพื้นที่แนวชายแดนจะเป็นหน้าที่หลักของกำลังทหาร ส่วนในพื้นที่ที่อาจมีการถอนทหารออกมานั้นคงอยู่ที่การพิจารณาของรัฐบาลว่าจะดำเนินการอย่างไร แต่ยืนยันว่า ทางเจ้าหน้าที่ตรวจมีความพร้อมที่จะสนับสนุนการปฏิบัติหน้าที่ได้ทันทีหากมีคำสั่งลงมา” พล.ต.ท.เดชาวัต กล่าว
กำลังโหลดความคิดเห็น