ศูนย์ข่าวนครราชสีมา - โฆษก ทภ. 2 เผย สถานการณ์ชายแดน “เขาพระวิหาร” ยังเป็นปกติ หลังศาลโลกมีคำสั่งมาตรการคุ้มครองชั่วคราว สั่งหน่วยทหารในพื้นที่ชี้แจงกำลังพลรับทราบ ยันทหารไทยยังรักษาพื้นที่ และอธิปไตย “เขาวิหาร” ตามปกติจนกว่า “ผบ.ทบ.” มีคำสั่งใหม่ ชี้ ทหารไทยทุกคนขวัญกำลังใจดี พร้อมปฏิบัติหน้าที่เต็มกำลัง และไม่กังวลต่อคำตัดสินศาลโลก ชี้ คำสั่งศาลโลกเขมรต้องถอนกำลังทหาร-อาวุธออกจากบริเวณปราสาทพระวิหารจำนวนมาก หากทำได้เชื่อสถานการณ์ชายแดนดีขึ้น
วันนี้ (18 ก.ค.) เมื่อเวลา 17.00 น.พ.อ.ประวิทย์ หูแก้ว รองเสนาธิการกองทัพภาคที่ 2 ในฐานะโฆษกกองทัพภาคที่ 2 (ทภ.2) เปิดเผยภายหลังศาลโลกมีคำวินิจฉัยออกมาตรการคุ้มครองชั่วคราวในคดีปราสาทพระวิหารที่ฝ่ายกัมพูชายื่นฟ้องให้ตีความคำพิพากษาปี 2505 โดยให้ฝ่ายไทยและกัมพูชาถอนกำลังทหารออกจากพื้นที่ที่กำหนดรอบปราสาทพระวิหาร ว่า จนถึงขณะนี้ สถานการณ์ชายแดนไทย-กัมพูชา บริเวณเขาพระวิหารด้าน จ.ศรีสะเกษ โดยรวมยังเป็นปกติ ซึ่งฝ่ายไทยได้ให้หน่วยทหารในพื้นที่ชี้แจงกรณีคำวินิจฉัยของศาลโลกให้กำลังพลตามแนวชายแดนได้รับทราบ ขณะที่ฝ่ายกัมพูชาก็ยังไม่พบมีการเคลื่อนไหวใดๆ เช่นกัน ทั้งเรื่องกำลังพลและอาวุธยุทโธปกรณ์ จะมีเพียงเล็กน้อยในการสับเปลี่ยนกำลังพล และเคลื่อนอาวุธหนักบ้าง เช่น รถถัง, จรวด BM21 แต่เป็นไปตามปกติ ซึ่งคาดว่าจะเป็นการแสดงกำลังข่มไทยเท่านั้น
พ.อ.ประวิทย์ กล่าวต่อว่า พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ผู้บัญชาการกองทัพบก (ผบ.ทบ.) ได้มีคำสั่งก่อนหน้านี้ ว่า ไม่ว่าศาลจะมีคำตัดสินออกมาอย่างไร ขอให้กองทัพภาคที่ 2 รักษาพื้นที่และอธิปไตยรวมถึงภูมิประเทศที่เราเคยดูแลอยู่อย่างเต็มที่ จนกว่าจะได้รับคำสั่งใหม่ลงมา ซึ่งการจัดกำลังเฝ้าดูแลพื้นที่ของฝ่ายทหารไทยเรายังปฏิบัติภารกิจตามปกติ ทหารไทยยังมีขวัญกำลังใจที่ดี ทุกคนพร้อมปฏิบัติหน้าที่อย่างเต็มกำลังความสามารถไม่ได้กังวลต่อคำตัดสินของศาลโลกแต่อย่างใด
ส่วนประชาชนตามแนวชายแดนไทยจนถึงขณะนี้ยังคงมีความกังวลอยู่บ้าง โดยเฉพาะหมู่บ้านที่เคยได้รับผลกระทบจากการปะทะกันของทหารทั้ง 2 ฝ่ายได้เตรียมพร้อมในการอพยพตลอด 24 ชั่วโมง (ชม.) ทางแม่ทัพภาคที่ 2 ได้สั่งการให้ส่งชุดประชาสัมพันธ์ และ ชุด ปจว. ลงไปช่วยดูแล และคุ้มครองความปลอดภัยให้แก่ประชาชน ซึ่งจนถึงขณะนี้มีชุดรักษาความปลอดภัยคอยดูแลความปลอดภัยให้กับประชาชนจำนวน 42 จุดๆ ละประมาณ 8-10 นาย เพื่อสร้างความมั่นใจให้กับประชาชน
พ.อ.ประวิทย์ กล่าวอีกว่า โดยส่วนตัวเชื่อว่าหลังศาลโลกมีคำวินิจฉัยออกมาตรการคุ้มครองชั่วคราวมาเช่นนี้ คาดว่า จะทำให้สถานการณ์ชายแดนไทย-กัมพูชา คลี่คลายไปในทางที่ดีขึ้น อย่างน้อยก็จะได้มีการพูดคุยกันในระดับต่างๆ เช่น คณะกรรมการชายแดนทั่วไปไทย-กัมพูชา (จีบีซี)
ส่วนการถอนทหารออกจากพื้นที่ทั้ง 2 ฝ่ายในพื้นที่ประมาณกว่า 2 ตารางกิโลเมตร (ตร.กม.) รอบปราสาทพระวิหารเพื่อให้เป็นเขตปลอดทหารตามคำสั่งศาลโลกนั้น แต่ละฝ่ายจะต้องถอนออกไปอยู่ในจุดใดบ้างนั้น พ.อ.ประวิทย์ กล่าวว่า ไม่ขอพูดรายละเอียดในเรื่องนี้ เพราะเป็นเรื่องละเอียดอ่อน ซึ่งมีกระบวนการอีกหลายขั้นตอน การกำหนดรายละเอียดคงจะต้องมีการหารือกันอีกครั้งว่าแต่ละฝ่ายจะไปอยู่ในจุดใดบ้าง ขอให้เป็นเรื่องการเจรจาของรัฐบาลทั้ง 2 ประเทศ หากมีคำสั่งลงมาอย่างไรกองทัพภาคที่ 2 ซึ่งเป็นผู้ปฏิบัติก็พร้อมจะดำเนินการตามที่ได้รับคำสั่งอยู่แล้ว
“ในการถอนกำลังออกจากพื้นที่รอบปราสาทพระวิหารนั้น ที่ผ่านมา ทางฝ่ายกัมพูชาได้มีการวางกำลังทหารและอาวุธหนักบริเวณประสาทพระวิหารมากพอสมควร ขณะที่ฝ่ายไทยเราไม่ได้ขึ้นไปบริเวณปราสาทพระวิหาร ฉะนั้น เมื่อมีคำสั่งของศาลโลกออกเช่นนี้ ถ้าปฏิบัติตามนั้นได้ คิดว่าจะทำให้สถานการณ์ชายแดนไทย-กัมพูชา ลดความตึงเครียดลงไปได้มาก” พ.อ.ประวิทย์ กล่าว