เตรียมกู้เรือบรรทุกทรายล่มบ่ายวันนี้ใช้วิธีเดียวกับการกู้เรือน้ำตาล

พระนครศรีอยุธยา - เจ้าของเรือบรรทุกทรายที่ล่มกลางแม่น้ำเจ้าพระยา เขตบางบาล พระนครศรีอยุธยา จะเริ่มกู้เรือบ่ายวันนี้ หลังผู้รับเหมาเริ่มทยอยขนอุปกรณ์เข้าพื้นที่แล้ว

วันนี้ (30 มิ.ย.) เวลา 10.00 น.ผู้สื่อข่าวรายงานจากจังหวัดพระนครศรีอยุธยาว่า โป๊ะเหล็กความยาวขนาดประมาณ 7 เมตร กว้าง 3 เมตร สูง 1 เมตรถูกลากมาจอดไว้ริมตลิ่งแม่น้ำเจ้าพระยา ม.9 ต.บ้านกุ่ม อ.บางบาล จ.พระนครศรีอยุธยา บริเวณจุดที่เรือบรรทุกทรายล่ม เพื่อเตรียมให้ทีมกู้เรือจากกรุงเทพมหานคร ใช้สำหรับวางอุปกรณ์และเครื่องมือในการทำงานกู้เรือบรรทุกทรายที่ล่มกลางแม่น้ำเจ้าพระยา

โดยนายสมเกียรติ ราชญาณ เจ้าของเรือบรรทุกทราย ระบุว่า อุปกรณ์ทั้งหมดจะเดินทางมาถึงจุดที่เรือบรรทุกทรายล่มในช่วงเที่ยงของวันนี้ และน่าจะเริ่มกู้ได้ในช่วงบ่ายของวันนี้เช่นกัน

ขณะที่การกู้เรือบรรทุกทรายยังคงใช้วิธีการเดียวกับการกู้เรือบรรทุกน้ำตาลล่มครั้งที่ผ่านมา แต่จะเปลี่ยนจากพอนทูนเป็นการใช้ถังเหล็กใส่น้ำมันขนาด 200 ลิตร จมลงไปในน้ำภายในตัวเรือแล้วอัดอากาศพยุงให้ตัวเรือลอยขึ้นมา โดยคาดว่าจะใช้ถังน้ำมันอย่างน้อย 100 ลูก

หลังจากนั้นเมื่อเรือลอยขึ้นมาจากน้ำแล้วจะลากเรือออกไปยังแถวบริเวณตำบลเกาะเรียน อำเภอพระนครศรีอยุธยา เพื่อกู้เรือทั้งหมดและจะนำไปเข้าอู่ซ่อมเรือต่อไป

ส่วนกรณีที่ระบุว่าเรือกระแทกกับต้นตะเคียนนั้น นายสมเกียรติขอออกความเห็น แต่โดยส่วนตัวและมีบ้านอยู่ใกล้จุดที่เรือล่มครั้งนี้ยอมรับว่า ลำน้ำเจ้าพระยาช่วงอ่างทอง-พระนครศรีอยุธยา แคบมาก ประกอบกับเมื่อน้ำท่วมทำให้แม่น้ำเจ้าพระยาช่วงดังกล่าวรับน้ำไว้มากและเกิดการทรุดตัวลงเมื่อน้ำลงกลับสู่ภาวะปกติ จนทำให้ตลิ่งทรุดตัวพังลงไปในน้ำด้วย และสาเหตุนี้เองก็อาจทำให้ต้นไม้หรือก้อนหินที่อยู่บนตลิ่งซึ่งจมอยู่ใต้น้ำ ซึ่งคนขับเรือมองไม่เห็นจนกระแทกกับต้นไม้หรือก้อนหินที่จมน้ำอยู่

อย่างไรก็ตาม การเดินเรือสินค้าขนาดใหญ่อย่างเช่นเรือบรรทุกข้าวสาร เรือบรรทุกน้ำตาลในขณะนี้ เริ่มทำให้ชาวบ้านกังวลว่า ท้องเรือที่มีขนาดใหญ่และกว้าง อาจจะทำให้ริมตลิ่งแม่น้ำเจ้าพระยาทรุดตัวลงมากขึ้น

ขณะที่ นายพงษ์วรรณ จารุเดชา รองอธิบดีกรมเจ้าท่า กล่าวว่า จากนี้ไปกรมเจ้าท่าจะกำหนดมาตรการเข้มงวดกับเรือบรรทุกสินค้าทุกลำหลังจากนี้ ด้วยการกำหนดเส้นโหลดไลน์ (เส้นกำหนดบรรทุกน้ำหนักของเรือ) ที่ตัวเรือ โดยเจ้าของเรือบรรทุกสินค้าทุกลำจะต้องกำหนดเส้นขอบเขตการบรรทุกสินค้ารอบตัวเรือ เพราะเมื่อเวลาบรรทุกสินค้าแล้วหากน้ำหนักรอบตัวเรือต่ำกว่าระดับน้ำ แสดงว่าเรือลำดังกล่าวบรรทุกสินค้าเกินกำหนด ซึ่งจริงแล้วระเบียบดังกล่าวกำหนดออกมานานแล้ว แต่ผู้ประกอบการเรือละเลยไป