อุดรธานี - เตือนเกษตรกรเลี้ยงปลาหน้าฝนเสี่ยงปลาน็อคและตายได้ เหตุมีปัจจัยลบหลายด้าน ทั้งสภาพอากาศก่อนฝนตก-หลังฝนตก แนะศึกษารายละเอียดหาวิธีป้องกันหรือเลี่ยงให้พ้นหน้าฝนเพื่อลดความเสี่ยงขาดทุน
นายปวิต ถมยาวิทย์ เกษตรและสหกรณ์จังหวัดอุดรธานี กล่าวเตือนว่า เกษตรกรที่เลี้ยงปลาในฤดูฝนอาจได้รับผลกระทบจากปัจจัยหลายด้านด้วยกัน คือก่อนที่ฝนจะตก อากาศจะร้อนอบอ้าวมาก ซึ่งทำให้เกิดการเปลี่ยนแปลงของอุณหภูมิความเป็นกรดด่างและความขุ่นของน้ำเกิดขึ้นได้อย่างรวดเร็ว จึงส่งผลให้ปลาน็อคหรือ ช็อคตายได้ เพราะปรับตัวไม่ทันและเมื่อฝนตกหนักก็จะเกิดการพัดพาสารเคมีต่างๆ ซึ่งอาจได้รับผลกระทบอย่างมากในช่วงที่ฝนตกใหม่ๆล้วนแต่เป็นพิษภัยต่อปลาทั้งนั้น
รวมทั้งตะกอนที่แขวนลอยเกิดจากการชะดินของน้ำฝนในช่วงหน้าฝน ตะกอนจะฟุ้งกระจาย จึงสร้างปัญหาบริเวณเหงือกสัตว์น้ำในการแลกเปลี่ยนออกซิเจน สัตว์น้ำก็จะกินอาหารลดลง อาจเครียดถึงกับตายได้ แต่ถ้าหากฝนตกทั้งวันทั้งคืนติดต่อกันหลายวัน จนเกิดน้ำท่วมบ่อ อาจจะเกิดคันดินพังหรือน้ำท่วมมิดคันบ่อทำให้เสียหายได้
ส่วนน้ำฝนที่จะชะล้างความเป็นกรดจากอากาศและดินลงสู่บ่อทำให้ น้ำในบ่อต่ำลงความเป็นพิษของก๊าซไข่เน่าและแอมโมเนียจะมีมากขึ้น จึงทำให้ปลาลอยหัวขึ้นมาหาอากาศหายใจได้ยาก
และอีกอย่างมีสภาพครึ้มฟ้าครึ้มฝน หรือที่เรียกกันว่าอากาศอบอ้าวเป็นระยะเวลานานซึ่งมีผลต่อการเปลี่ยนออกซิเจนระหว่างชั้นบรรยากาศกับผิวน้ำได้ลำบาก อาจทำให้ปลาเกิดสภาพขาดออกซิเจนขึ้นมาลอยหัวหาอากาศบนผิวน้ำในเพื่อหายใจ
อีกปัจจัยหนึ่ง คือ เมื่อฝนหยุดตกกับฝนตกหนักแตกต่างกันมาก ถ้าฝนหยุดตกควรเปิดเครื่องตีน้ำเพื่อเพิ่มออกซิเจนและคลุกเคล้าน้ำฝนกับน้ำในบ่อให้เข้ากัน ถ้าฝนตกหนักทำให้อุณหภูมิน้ำเปลี่ยนแปลง ปลาจะลดการกินอาหาร
ดังนั้น การที่จะให้อาหารปลาควรลดปริมาณอาหาร หรือสามารถงดให้อาหารปลาในช่วงขณะนั้นได้ หากสงสัยสามารถติดต่อสอบถามข้อมูลเพิ่มเติมรายละเอียดได้ที่ สำนักงานประมงจังหวัดได้ตลอดเวลาเพื่อจะได้ไม่ต้องเสี่ยงกับการเลี้ยงปลาในช่วงหน้าฝน
นายปวิต ถมยาวิทย์ เกษตรและสหกรณ์จังหวัดอุดรธานี กล่าวเตือนว่า เกษตรกรที่เลี้ยงปลาในฤดูฝนอาจได้รับผลกระทบจากปัจจัยหลายด้านด้วยกัน คือก่อนที่ฝนจะตก อากาศจะร้อนอบอ้าวมาก ซึ่งทำให้เกิดการเปลี่ยนแปลงของอุณหภูมิความเป็นกรดด่างและความขุ่นของน้ำเกิดขึ้นได้อย่างรวดเร็ว จึงส่งผลให้ปลาน็อคหรือ ช็อคตายได้ เพราะปรับตัวไม่ทันและเมื่อฝนตกหนักก็จะเกิดการพัดพาสารเคมีต่างๆ ซึ่งอาจได้รับผลกระทบอย่างมากในช่วงที่ฝนตกใหม่ๆล้วนแต่เป็นพิษภัยต่อปลาทั้งนั้น
รวมทั้งตะกอนที่แขวนลอยเกิดจากการชะดินของน้ำฝนในช่วงหน้าฝน ตะกอนจะฟุ้งกระจาย จึงสร้างปัญหาบริเวณเหงือกสัตว์น้ำในการแลกเปลี่ยนออกซิเจน สัตว์น้ำก็จะกินอาหารลดลง อาจเครียดถึงกับตายได้ แต่ถ้าหากฝนตกทั้งวันทั้งคืนติดต่อกันหลายวัน จนเกิดน้ำท่วมบ่อ อาจจะเกิดคันดินพังหรือน้ำท่วมมิดคันบ่อทำให้เสียหายได้
ส่วนน้ำฝนที่จะชะล้างความเป็นกรดจากอากาศและดินลงสู่บ่อทำให้ น้ำในบ่อต่ำลงความเป็นพิษของก๊าซไข่เน่าและแอมโมเนียจะมีมากขึ้น จึงทำให้ปลาลอยหัวขึ้นมาหาอากาศหายใจได้ยาก
และอีกอย่างมีสภาพครึ้มฟ้าครึ้มฝน หรือที่เรียกกันว่าอากาศอบอ้าวเป็นระยะเวลานานซึ่งมีผลต่อการเปลี่ยนออกซิเจนระหว่างชั้นบรรยากาศกับผิวน้ำได้ลำบาก อาจทำให้ปลาเกิดสภาพขาดออกซิเจนขึ้นมาลอยหัวหาอากาศบนผิวน้ำในเพื่อหายใจ
อีกปัจจัยหนึ่ง คือ เมื่อฝนหยุดตกกับฝนตกหนักแตกต่างกันมาก ถ้าฝนหยุดตกควรเปิดเครื่องตีน้ำเพื่อเพิ่มออกซิเจนและคลุกเคล้าน้ำฝนกับน้ำในบ่อให้เข้ากัน ถ้าฝนตกหนักทำให้อุณหภูมิน้ำเปลี่ยนแปลง ปลาจะลดการกินอาหาร
ดังนั้น การที่จะให้อาหารปลาควรลดปริมาณอาหาร หรือสามารถงดให้อาหารปลาในช่วงขณะนั้นได้ หากสงสัยสามารถติดต่อสอบถามข้อมูลเพิ่มเติมรายละเอียดได้ที่ สำนักงานประมงจังหวัดได้ตลอดเวลาเพื่อจะได้ไม่ต้องเสี่ยงกับการเลี้ยงปลาในช่วงหน้าฝน
