ฉะเชิงเทรา - ตัวแทนอีสวอเตอร์ฯแจ้งกรณีชาวบ้านอำเภอบางคล้า จังหวัดฉะเชิงเทรา ไม่พอใจหลังเข้าสูบน้ำในแม่น้ำบางปะกงจนทำให้คลองสาขาหลายแห่งแห้งขอด เผยการดำเนินงานเป็นไปเพื่อคนส่วนใหญ่ และส่งน้ำให้โรงงานเพียงวันละ 2 หมื่นลูกบาศก์เมตรเท่านั้น ส่วนปัญหาที่ส่งผลกระทบต่อวิถีชาวบ้านพร้อมหันหน้าเข้าเจรจาหาทางออกร่วมกัน
เมื่อเวลา 15.30 น.วันนี้ (17 มิ.ย.) นายพจนา บุญศิริ ผู้อำนวยการฝ่ายวางแผนโครงการ บริษัทจัดการและพัฒนาทรัพยากรน้ำภาคตะวันออก จำกัด (มหาชน) หรือ อีสวอเตอร์ ได้กล่าวถึงกรณีที่มีชาวบ้านในอำเภอบางคล้า จังหวัดฉะเชิงเทรา ออกมาเคลื่อนไหวและแสดงความไม่พอใจ โดยกล่าวหาว่าบริษัทได้สูบน้ำจืดต้นทุนในลำน้ำบางปะกงจนทำให้ลำคลองสาขาหลายสายแห้งขอด ซึ่งบริษัทขอชี้แจงว่า การดำเนินการดังกล่าวเป็นการทำเพื่อคนส่วนใหญ่ในสังคมที่ต้องใช้น้ำประปา เนื่องจากบริษัท ได้ผลิตน้ำดิบส่งไปสนับสนุนด้านการอุปโภคบริโภค และนำมาผลิตเป็นน้ำประปาให้แก่คนในสังคมเมือง และเขตตัวเมือง จังหวัดฉะเชิงเทรา รวมทั้งส่งให้แก่โรงงานอุตสาหกรรมเพียงเฉลี่ยวันละ 2 หมื่นลูกบาศก์เมตร (ลบม.) เท่านั้น
โดยกล่าวว่า การจัดสรรน้ำให้แก่โรงงานอุตสาหกรรม ถือว่าน้อยกว่าการใช้น้ำในแปลงนา 20 ไร่ซึ่งจากการคำนวณโดยทฤษฎีนั้นพื้นที่นาหนึ่งไร่จะใช้น้ำมากถึง 1,500 ลูกบาศก์เมตรต่อวัน ส่วนการสูบน้ำจากแม่น้ำบางปะกง จะกระทำเฉพาะในช่วงฤดูน้ำหลากเท่านั้น ซึ่งที่สถานีสูบน้ำคลองเขื่อน จะสูบน้ำเพียงเดือนละ 6 แสน (ลบม.) หรือ ปีละ 7.2 ล้านลบม. โดยมีสระสำรองน้ำดิบที่อำเภอคลองเขื่อน และตำบลสำนักบก ในเขต อำเภอเมือง จังหวัดชลบุรี
ส่วนในช่วงฤดูแล้ง อีสวอเตอร์ จะหันมาสูบน้ำจากสถานีสูบน้ำคลองท่าไข่ และคลองนครเนื่องเขต ในเขตอำเภอเมือง จังหวัดฉะเชิงเทรา (ที่รับน้ำมาจากทางภาคเหนือผ่านระบบชลประทานพระองค์ไชยานุชิต) แทน เนื่องจากน้ำในแม่น้ำบางปะกงมีสภาพเป็นน้ำเค็ม
สำหรับปัญหาที่เกิดขึ้นกับชาวบ้านนั้น อีสวอเตอร์ฯ เห็นว่า ควรหันหน้าเข้ามาพูดคุยเพื่อหาประเด็นปัญหาจากผู้ใช้ในแต่ละภาคส่วน ซึ่งเชื่อว่าการหาทางออกร่วมกัน จะได้ข้อสรุปเกี่ยวกับการใช้น้ำและจะได้มีการบริหารการใช้น้ำในแต่ละภาคส่วนอย่างเต็มประสิทธิภาพต่อไป