พระนครศรีอยุธยา - “สุวิทย์ คุณกิตติ” รุดลงพื้นที่สำรวจ และร่วมวางแผนกู้เรือบรรทุกน้ำตาลล่มที่พระนครศรีอยุธยา หลังประสบอุบัติเหตุชนตอม่อเรือล่มมาแล้ว 3 วัน พร้อมสั่งกำชับเจ้าหน้าที่ให้เร่งทำการกู้ด่วน
เวลา 11.00 น.วันนี้ (3 มิ.ย.) นายสุวิทย์ คุณกิตติ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม พร้อมด้วยนายโชติ ตราชู ปลัดกระทรวง เดินทางมาดูเรือบรรทุกน้ำตาลทรายแดงล่มกลางแม่น้ำเจ้าพระยา บริเวณหมู่ 2 ต.ภูเขาทอง อ.พระนครศรีอยุธยา จ.พระนครศรีอยุธยา โดยมีนายทวี นริสศิริกุล รองผู้ว่าราชการจังหวัดพระนครศรีอยุธยา นายไพศาล สถิตวิบูรณ์ ผอ.ทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมจังหวัดเพระนครศรีอยุธยา นายเผด็จ แนบเนียน นายอำเภอพระนครศรีอยุธยา พร้อมเจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้องให้การต้อนรับและรายงานชี้แจ้งท่ามกลางสายฝนที่ตกลงมาโดยมีชาวบ้านที่ได้รับความเดือดร้อนมารอและถามถึงความช่วยเหลือเป็นจำนวนมาก
ทั้งนี้ สืบเนื่องจากเมื่อวันที่ 31 พ.ค.54 เรือบรรทุกน้ำตาลทรายแดง 2,400 ตันของบรัษัท อัลฟา มารีน ซัพพลาย จำกัด รับจ้างขนส่งน้ำตาลพร้อมจ้างเดินเรือขนจากคลังสินค้าบริษัทไทยรวมทุนคลังสินค้า จำกัด จ.อ่างทอง เพื่อนำไปส่งยังเรือเดินทะเลมีปลายทางที่ประเทศอินโดนีเซีย เกิดอุบัติเหตุกระแสน้ำพัดแรงเรือไปกระแทกกับเสาตอม้อใต้สะพานข้ามแม่น้ำเจ้าพระยา หมู่ 2 ต.ภูเขาทอง อ.พระนครศรีอยุธยา ทำให้หัวเรือบรรทุกน้ำตาล บีเอ็ม 6 แตกและกระแสน้ำพัดไปชนตลิ่งหน้าบ้านของนายฮาโรล มาทอง อายุ 57 ปีบ้านเลขที่ 2/3 และบ้านนายละออ พาลีขำ อายุ 65 ปีบ้านเลขที่ 2 บ้านทั้ง 2 หลังต้องเร่งรื้อถอนออกไปเพราะน้ำเซาะตลิ่งพัง
นอกจากนี้ เรือบรรทุกน้ำตาลยังได้ขวางลำน้ำ ทำให้น้ำเปลี่ยนทิศทางพุ่งเข้าหาตลิ่ง จนตลิ่งพังตลอดเวลา ทำให้น้ำตาลทรายแดงละลายลงแม่น้ำส่งผลกระทบต่อมลพิษทางน้ำ และปริมาณค่าออกซิเจนในน้ำต่ำกว่าปกติทำให้กุ้ง หอย ปู ปลา ตาย จนกระทั่งเมื่อวันที่ 2 มิ.ย.นายวิทยา ผิวผ่อง ผู้ว่าราชการจังหวัดพระนครศรีอยุธยา ได้ประกาศให้อ.พระนครศรีอยุธยา อ.บางปะอิน และ อ.บางไทร เป็นเขตภัยพิบัติทางน้ำและมวลน้ำก้อนนี้ยังส่งผลไปถึง จ.ปทุมธานีและ จ.นนทบุรี แล้ว
และทางจังหวัดพระนครศรีอยุธยา ได้ประสานหน่วยงานที่เกี่ยวข้องรีบเร่งแก้ไขโดยเร็ว เมื่อวันที่ 2 มิ.ย.เจ้าของเรือได้นำเรือเปล่าขนาดใหญ่ยาวประมาณ 40 เมตรเทียบเรือน้ำตาลที่จมและใช้เครื่องสูบน้ำเร่งสูบน้ำตาลออกจากเรือไปใส่ลำที่จอดเทียบอย่างเร่งด่วนจนใกล้จะเต็มเรือทำให้น้ำตาลทรายที่เหลืออยู่ในเรือที่จมประมาณ 1 ใน 4
จนกระทั่งเวลาประมาณ 19.30 น.นายสมพงษ์ อินเอม อายุ 59 ปี อยู่บ้านเลขที่ 24 หมู่ 6 ต.พระงาม อ.พรหมบุรี จ.สิงห์บุรี บอกว่า เห็นเรือยนต์มาจูงเรือที่รับน้ำตาล (ลำเทียบใหม่) ออกกลางกระแสน้ำที่ไหลแรง ทำให้เรือลากพลิกคว่ำจมลงกลางแม่น้ำมีคนลงไปช่วยเหลือได้ 3 คนส่วน นายธวัชชัย เชาว์วิไลย อายุ 32 ปีคนขับเรืออยู่บ้านเลขที่ 76/18 หมู่ 6 ต.บางพูน องเมือง จ.ปทุมธานีได้ตกน้ำหายสาบสูญไปคาดว่าคงเสียชีวิตแต่ยังไม่พบศพ ทำให้วันนี้มีเรือ 2 ลำที่ขวางแม่น้ำอยู่กระแสน้ำยังกัดเซาะตลิ่งตลอดทั้งวันชาวบ้านเร่งขนของหนี
นายสุวิทย์ กล่าวว่า วันนี้ (3 มิ.ย.) ต้องเร่งเอาเรือออกไปเพื่อลดกระแสน้ำต้องประสานกรมชนประทานให้ปล่อยน้ำที่เขื่อนเจ้าพระยาน้อยลงคงเตรียมการประมาณ 3 วันน้ำจึงจะชะลอตัว ป้องกันตลิ่งพังโดยให้เจ้าหน้าที่ทำชิฟพลายกั้นเป็นเขื่อนช่วยชาวบ้านที่เดือดร้อน การกู้เรือมีปัญหาเกิดอุบัติเหตคนสูญหายต้องดูแลความปลอดภัยอย่างให้เกิดซ้ำซ้อน จากนั้นได้เรียกหน่วยงานที่เกี่ยวข้องมาชี้แจงและหาแนวทางช่วยเหลือชาวบ้านอย่างเร่งด่วน เช่นนำหินมากันน้ำเซาะตลิ่ง
นายโชติ ตราชู ปลัดกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม กล่าวว่า จุดที่เรือน้ำตาลล่มนี้วัดค่าน้ำได้เป็นปกติและวัดที่ อ.บางไทร ได้ค่าประมาณ 2.3 มิลลิกรัมต่อลิตร และมวลน้ำก้อนนี้ได้ไปถึงจ.นนทบุรีแล้วจะส่งผลกระทบให้ค่าออกซิเจนละลายในน้ำต่ำและสุดท้ายไหลลงอ่าวไทย
นายละออ พาลีขำ อายุ 65 ปี ชาวบ้านบอกว่า ให้เจ้าหน้าที่ช่วยเร่งแก้ไขโดยเร็วอย่ามัวแต่พูดกันนี่ก็3 วันแล้วกระแสน้ำเริ่มพัดเข้ามาส่วนการช่วยเหลืออย่างอื่นมีแต่ อบต.นำอาหารมาให้และท่านผู้ว่าได้จ่ายค่าไฟฟ้าให้เพียงเท่านั้นและในเบื้องต้นตนได้ไปแจ้งความไว้แล้วเพื่อเรียกค่าเสียหายต่อไปแต่คืนนี้ต้องนอนผวาอีกคืน
ขณะที่ พ.ต.อ.สมบัติ ชูชัยยะ ผู้กำกับการสถานีตำรวจภูธรพระนครศรีอยุธยา สั่งการให้ พ.ต.ต.จักรพันธ์ ธูปเตมีย์ พนักงานสอบสวน ลงพื้นที่ ต.ภูเขาทอง ซึ่งเป็นจุดเกิดเหตุเรือน้ำตาลล่ม เพื่อรับแจ้งความจากชาวบ้าน และส่วนราชการที่เกี่ยวข้อง อาทิ ตัวแทนอำเภอพระนครศรีอยุธยา ตัวแทนสำนักงานทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม ตัวแทนกรมเจ้าท่า ตัวแทนสำนักงานป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยจังหวัด ตัวแทนประมงจังหวัดฯ ให้ร้องทุกข์กล่าวโทษเอาผิดกับคนที่ทำให้เกิดความเสียหายกับชาวบ้าน และสิ่งแวดล้อมในลำน้ำเจ้าพระยาพนักงานสอบสวน กล่าวว่า มีชาวบ้านที่ได้รับความเดือดร้อนมาแจ้งความประมาณ 7 รายแล้วและทั้งหมดได้ลงบันทึกไว้เป็นหลักฐาน