เชียงราย - สมัคร ส.ส.เชียงราย วันแรกคึกคัก ท่ามกลางกระแสข่าวซื้อเสียงแพร่สะพัด ตั้งแต่ห้วงพรรคการเมืองใหญ่เปิดเวทีปราศรัย แจกดะตั้งแต่ 100-300 บาท/หัวขึ้นไป แถมค่าน้ำมันรถขนคนต่างหาก ด้าน 7 ผู้สมัคร พท.ยื่นใบสมัครเสร็จ ตั้งโต๊ะถล่ม ผู้ว่าฯ-นอภ.ทันที อ้าง ขรก.วางตัวไม่เป็นกลาง
วันนี้ (24 พ.ค.) ที่หอประชุมกาสะลองคำ มหาวิทยาลัยราชภัฏเชียงราย คณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) เชียงราย จัดให้เป็นสถานที่ในการรับสมัครผู้สมัครรับเลือกตั้งเป็นสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร (ส.ส.) เชียงราย ทั้ง 7 เขต
ทั้งนี้ พบว่า ในช่วงเช้าผู้สมัครจากพรรคเพื่อไทยทั้ง 7 คน คือ นายสามารถ แก้วมีชัย เขต 1,นายสุรสิทธิ์ เจียมวิจักษณ์ เขต 2, น.ส.วิสาระดี เตชะธีราวัฒน์ เขต 3, นายรังสรรค์ วันไชยธนวงศ์ เขต 4, นายพิเชษฐ์ เชื้อเมืองพาน เขต 5, นายอิทธิเดช แก้วหลวง เขต 6 และ น.ส.ละออง ติยะไพรัช เขต 7 ได้เดินทางมาสมัครรับเลือกตั้งพร้อมกองเชียร์ถือป้ายและรวงข้าวพวงมาลัยไปให้กำลังอย่างเอิกเกริกมากกว่าทุกพรรค
นายสามารถ ระบุว่ายังคงมั่นใจว่า พรรคเพื่อไทยจะได้ ส.ส.ครบทั้ง 7 คน สำหรับแนวทางการหาเสียงก็คงจะแล้วแต่รูปแบบของแต่ละคนในแต่ละเขต โดยเน้นนำนโยบายของพรรคไปแจ้งประชาชนเป็นหลัก นอกจากนี้นายสามารถ ระบุให้ประชาชนระลึกถึงพระราชปณิธานของรัชกาลที่ 7 ที่ทรงให้อำนาจกับประชาชนตั้งแต่ปี 2475 และถือว่าเป็นเรื่องศักดิ์สิทธิ์
ขณะที่ นายสุรสิทธิ์ กล่าวว่า ตนไม่รู้สึกหนักใจในการเลือกตั้งในพื้นที่เขต 2 เพราะมีหัวคะแนนอัตโนมัติหรือผู้ที่ไม่ได้จัดตั้งเป็นจำนวนมาก แต่พื้นที่ก็มีการซื้อเสียงอย่างหนักโดยมีการแจกเงินให้กับกำนันหัวละ 1 หมื่นบาท และผู้ใหญ่บ้านหัวละ 3,000 บาท สำหรับกรณีข้าราชการที่วางตัวไม่เป็นกลางในพื้นที่ขอให้หยุดเพราะจะมั่นใจได้อย่างไรว่าพรรคภูมิใจไทยจะได้รับเลือกตั้งเป็นรัฐบาลในสมัยหน้าอีก
รายงานข่าวแจ้งอีกว่า ช่วงเดียวกัน นายวันชัย จงสุทธนามณี ผู้สมัครเขต 1 ภูมิใจไทย ได้เดินทางไปสมัครในนามพรรคภูมิใจไทยเป็นคนแรก โดยได้จับมือกับ นายสามารถ ที่สมัครเสร็จ จากนั้น นายสุธีระพงศ์ วันไชยธนวงศ์ ผู้สมัครเขต 4, นางอทิติ วันไชยธนวงศ์ ผู้สมัครเขต 5 และ นายสุวัฒน์ ตระกูลโรจน์ ผู้สมัครเขต 6 จากพรรคภูมิใจไทย จึงทยอยไปสมัครพร้อมกัน
ผู้สมัครจากพรรคภูมิใจไทย ไม่ได้เดินทางไปเป็นกลุ่มใหญ่ แต่ต่างคนต่างเดินทางไปในเวลาที่แตกต่างกันโดยแม้แต่ น.ส.ชัญญา จงสุทธนามณี ว่าที่ผู้สมัครเขต 2 ก็ยังไม่ได้เดินทางไปในวันแรก
นายวันชัย กล่าวว่า แม้ตนจะเป็นผู้สมัครหน้าใหม่สำหรับการเลือกตั้ง ส.ส.แต่ตนก็รู้ดีว่าจะต้องแข่งขันกับใครในเขตเลือกตั้งนี้ แต่ก็มั่นใจในผลงานการทำงานท้องถิ่นที่ผ่านมาว่าจะได้รับความไว้วางใจจากประชาชน โดยเฉพาะเชียงรายจำเป็นต้องได้คนที่เข้ามาช่วยผลักดันโครงการพัฒนาต่างๆ โดยเฉพาะเศรษฐกิจ การท่องเที่ยว การค้าชายแดน ฯลฯ
รายงานข่าวแจ้งด้วยว่า หลังจากทุกฝ่ายสมัครเสร็จกลุ่มผู้สมัครพรรคเพื่อไทย ได้ร่วมกันแถลงข่าวด้านหน้าสถานที่สมัคร โดยส่วนใหญ่ออกมาระบุถึงกรณีข้าราชการในพื้นที่วางตัวไม่เป็นกลาง โดยเฉพาะ นายสมชัย หทยะตันติ ผู้ว่าราชการ จ.เชียงราย ซึ่งสภาพดังกล่าวคล้ายกับช่วงพรรคไทยรักไทย และพรรคพลังประชาชนเป็นรัฐบาล ซึ่งมีการโยกย้ายและข้าราชการก็เอนเอียงเข้ากับฝ่ายการเมืองอย่างเห็นได้ชัด และเป็นส่วนหนึ่งที่ทำให้สังคมเกิดความแตกแยกอย่างหนักหลังจากนั้น
นายอิทธิเดช กล่าวว่า ในพื้นที่พบข้าราชการวางตัวไม่เป็นกลางขัดต่อหลักคุณธรรมและจริยธรรม ดังนั้น จึงขอให้ปรับปรุงตัวไม่เช่นนั้นคงจะมีการนำหลักฐานออกมาแฉต่อสาธารณะชน
นายพิเชษฐ์ กล่าวว่า โดยเฉพาะผู้ว่าราชการ จ.เชียงราย ขอให้มีความเป็นธรรมและวางตัวให้เป็นกลางด้วย โดยพวกตนจะยังคงติดตามพฤติกรรมต่อไปถ้าไม่เปลี่ยนแปลงจะส่งหลักฐานให้ต้นสังกัด โดยช่วงนี้จะหยุดไว้ก่อน เพราะเข้าสู่โหมดการเลือกตั้งแล้ว
ขณะที่ นายรังสรรค์ กล่าวว่า พฤติกรรมไม่เป็นกลางยังเกิดขึ้นในนายอำเภอบางคนด้วย รวมทั้งให้สังเกตที่งบซีอีโอของจังหวัดที่มีข้าราชการพาผู้สมัครจากบางพรรคลงพื้นที่ จากนั้นก็เทงบประมาณลงไป โดยอ้างว่ามาจากการผลักดันของผู้สมัครดังกล่าวทั้งๆ ที่เป็นเงินของประชาชน
รายงานข่าวแจ้งอีกว่า การแถลงของผู้สมัครพรรคเพื่อไทยดังกล่าว สอดคล้องกับ นายพงษ์พันธ์ ริ้วทองทวี ผู้อำนวยการ กกต.เชียงราย ที่ออกมาระบุว่า ก่อนรับสมัครยังไม่มีการร้องเรียนเรื่องทุจริตไปยัง กกต.แต่มีการข่าวแจ้งว่ามีการซื้อเสียงในพื้นที่ อ.เชียงของ ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของเขต 5 หัวละ 300 บาท และช่วงจัดการชุมนุมทางการเมืองมีการซื้อเสียงให้คนไปฟังหัวละ 100 บาท และจ่ายค่าน้ำมันรถให้แล้วแต่ระยะทางใกล้ไกลด้วย ซึ่งทาง กกต.ได้จัดชุดสืบสวนลงไปตรวจสอบแล้ว
รายงานข่าวแจ้งต่อว่า สำหรับผู้สมัครจากพรรคและเขตอื่นๆ ยังไม่มีเข้าไปสมัครเพิ่มเติม แต่มีรายงานว่าบางคนที่มีกระแสจะลงสมัครแน่นอนแล้วอยู่ระหว่างต่อรองกับพรรคการเมืองหลายพรรค เพราะมีอัตราต่อรองให้ว่าที่ผู้สมัครเสียค่าใช้จ่ายเองก่อนจำนวน 10 ล้านบาท และพรรคสนับสนุนอีก 10 ล้านบาท หากได้รับเลือกตั้งเป็น ส.ส.ก็จะจ่ายเพิ่มให้อีก 30 ล้านบาท ทำให้ว่าที่ผู้สมัครหลายคนต้องคิดหนักเพราะหากไม่ได้รับการเลือกตั้ง ก็ถือว่าขาดทุนทันที
ขณะที่บางพรรคการเมืองให้ค่าใช้จ่ายในอัตราต่ำแล้วแต่เกรดของว่าที่ผู้สมัครคือ 250,000 - 500,000 บาท และ 1.5 ล้านบาท เป็นผลทำให้ว่าที่ผู้สมัครบางคนถอนตัว เพราะเห็นว่าไม่สามารถสู้กับพรรคการเมือง 2 พรรคใหญ่ได้