เป็นชนวนความขัดแย้งลึกๆ ที่เกิดขึ้นภายใน “พรรคเพื่อไทย” เมื่อ “แกนนำคนเสื้อแดง” ออกมาโวยวาย บ้างก็ป้องปากนินทาถึงการจัดตัวผู้สมัคร ส.ส.ปาร์ตี้ลิสต์ 125 คนของพรรคที่ไม่เป็นไปตามคาดหวัง
แต่เหตุสำคัญกว่าเรื่องใดก็เพราะตัวเองไม่ได้เป็นหนึ่งในผู้สมัคร หรือเป็นผู้สมัครอยู่ในลำดับท้ายๆ ไม่ได้รับเลือกตั้งเป็น ส.ส.แน่นอน
ถึงขั้นขู่ว่าจะรวบรวมสมัครพรรคพวกกา “โหวตโน” ให้รู้แล้วรู้รอด
คนเหล่านี้ได้ออกมาทวงถาม เอ่ยอ้างบุญคุณที่เคยช่วยเหลือเป็นแกนนำพามวลชนเสื้อแดง มาเดินเคียงข้างกับพรรคเพื่อไทย เป็นฝ่ายลำบากตรากตรำ ต่อสู้ข้างถนนจึงน่าจะมีตำแหน่ง ส.ส.เป็นรางวัลตอบแทนบ้าง
แต่เมื่อมองสำรวจลงลึกไปยังบัญชีรายชื่อแล้ว เครือข่ายคนเสื้อแดงเข้ามาอยู่ในบัญชีไม่น้อยกว่า 20 คน หากมองผิวเผินถือว่าเยอะจนน่าเกลียด
“เพื่อไทย-เสื้อแดง” แทบจะกลืนกินเป็นเนื้อเดียวกัน ทั้งแกนนำแท้ แกนนำเทียม ขนกันมาเต็มพรืดไปหมด จนไม่รู้ว่าเป็นบัญชีนักการเมืองที่อาสามาทำงานให้ประชาชน หรือนักประท้วงฉวยโอกาสจากเล่นการเมืองข้างถนน มาแสวงหาอำนาจให้กับตนเองกันแน่
อย่างไรก็ตาม ฟากฝั่งคนเพื่อไทย ขอให้โฟกัสเป็นรายบุคคลและมองอย่างเป็นธรรม ก็จะพบว่าหลายคนล้วนเคยเป็นอดีต ส.ส. หรือผู้สมัครของพรรคไทยรักไทย หรือพรรคพลังประชาชนมาก่อน เช่น ประแสง มงคลสิริ จากอุทัยธานี พายัพ ปั้นเกตุ จากสิงห์บุรี ขณะที่บางราย อาทิ พ.ต.ท.ไวพจน์ อาภรณ์รัตน์ และ อริสมันต์ พงศ์เรืองรอง อดิศร เพียงเกษ ก็ส่งภรรยาลงสมัครแทน เนื่องจากตัวเองติดปัญหาไม่สามารถลงสมัครเลือกตั้งได้
ที่หน้าใหม่มาเลย และตอบแทนได้อย่างสมน้ำสมเนื้อ เห็นจะมีแค่ นพ.เหวง โตจิราการ ที่อยู่ในอันดับรับประกันซ่อมฟรีว่าต้องเป็น ส.ส.แน่นอน ด้วยความที่เป็นแกนนำตัวหลัก ตัวเป้ง เข้าไปนอนคุกนอนตารางมาแล้ว อีกคนหนึ่งที่มีลุ้นได้เป็น ส.ส. คือ วิภูแถลง พัฒนภูมิไท
ส่วนพวกที่ออกอาการไม่พอใจ จะว่าไปแล้วก่อนหน้านี้ก็เป็นเพียงแกนนำชุมชน เป็นผู้จัดรายการวิทยุเสียงตามสาย เหมือนหัวคะแนนทั่วๆไปเท่านั้น เพียงแต่ช่วงที่มีการเคลื่อนไหวหนัก ได้มีโอกาสออกหน้าออกตา เป็นข่าวผ่านสื่อมากบ้างน้อยบ้าง และก็ได้รับการยกย่องเชิดชูจากเพียงแค่คนเสื้อแดงกลุ่มท้องถิ่นด้วยกัน
แต่ในทางการเมือง คนเหล่านี้ไม่ใช่ตัวจริง ไม่มีฐานเสียง ฐานคะแนนที่แน่นหนากว้างขวางพอที่จะผลักดันตัวเองให้ได้รับคะแนนเสียงมากถึงระดับที่พรรคจะส่งเป็นผู้สมัครได้ คนเหล่านี้ก็รู้ตัวเองดี ถ้าลงสมัคร ส.ส.ระบบเขตแล้วก็แทบไม่มีโอกาสชนะอดีตส.ส.เจ้าของพื้นที่เดิม
จึงคาดหวังว่าพรรคจะให้โอกาสเป็นผู้สมัคร ส.ส.บัญชีรายชื่อ ในลำดับที่พอจะคาดหวังถึงการเป็นผู้แทนได้บ้าง เหมือนเป็นการเติบโตทางการเมืองทางลัด แต่สุดท้ายเมื่อหวังไม่เป็นดังหวังจึงไม่พอใจออกอาการฟาดงวงฟาดงา
พรรคเพื่อไทยเองก็ไม่ได้ยี่หระกับเสียงของคนเหล่านี้มากเท่าไหร่ จะตัดหางปล่อยวัดไปเลยก็ไม่มีผลกระทบสักเท่าไรนัก แต่ช่วงหน้าสิ่วหน้าขวาน ช่วงการเลือกตั้งที่ทุกสรรพเสียง จำเป็นอย่างยิ่งยวดต่อการเดิมพันกลับมาเป็นรัฐบาล พา “นายใหญ่” หนีคดีอาญากลับประเทศ จะหักด้ามพร้าด้วยเข่าย่อมไม่ดีแน่ การใช้วิธีอะลุ้มอล่วย พูดจาประนีประนอมกัน นับเป็นทางเลือกที่ดีกว่า
อย่างไรก็ตาม ถ้าวันข้างหน้ามีอำนาจอยู่ในมือ ได้ดีแล้วมองไม่เห็นหัวเพื่อน เหลียวหลังกลับมามองเพื่อนร่วมรบ-ศพร่วมหลุมแบบไม่ให้ราคา เย่อหยิ่งผยองโดยไม่นำการต่อสู้ร่วมกันในอดีตมาทบทวน ว่าคนเหล่านี้ล้วนเป็นฝ่ายที่สนับสนุนพรรคเพื่อไทยตลอดมา
วันนั้นอาจเกิดเหตุการณ์สงครามแดงเดือด ฟาดปากกันเองระหว่างเพื่อไทยกับคนเสื้อแดง จากมิตรอาจกลายเป็นศัตรูตัวฉกาจ!!
แต่เหตุสำคัญกว่าเรื่องใดก็เพราะตัวเองไม่ได้เป็นหนึ่งในผู้สมัคร หรือเป็นผู้สมัครอยู่ในลำดับท้ายๆ ไม่ได้รับเลือกตั้งเป็น ส.ส.แน่นอน
ถึงขั้นขู่ว่าจะรวบรวมสมัครพรรคพวกกา “โหวตโน” ให้รู้แล้วรู้รอด
คนเหล่านี้ได้ออกมาทวงถาม เอ่ยอ้างบุญคุณที่เคยช่วยเหลือเป็นแกนนำพามวลชนเสื้อแดง มาเดินเคียงข้างกับพรรคเพื่อไทย เป็นฝ่ายลำบากตรากตรำ ต่อสู้ข้างถนนจึงน่าจะมีตำแหน่ง ส.ส.เป็นรางวัลตอบแทนบ้าง
แต่เมื่อมองสำรวจลงลึกไปยังบัญชีรายชื่อแล้ว เครือข่ายคนเสื้อแดงเข้ามาอยู่ในบัญชีไม่น้อยกว่า 20 คน หากมองผิวเผินถือว่าเยอะจนน่าเกลียด
“เพื่อไทย-เสื้อแดง” แทบจะกลืนกินเป็นเนื้อเดียวกัน ทั้งแกนนำแท้ แกนนำเทียม ขนกันมาเต็มพรืดไปหมด จนไม่รู้ว่าเป็นบัญชีนักการเมืองที่อาสามาทำงานให้ประชาชน หรือนักประท้วงฉวยโอกาสจากเล่นการเมืองข้างถนน มาแสวงหาอำนาจให้กับตนเองกันแน่
อย่างไรก็ตาม ฟากฝั่งคนเพื่อไทย ขอให้โฟกัสเป็นรายบุคคลและมองอย่างเป็นธรรม ก็จะพบว่าหลายคนล้วนเคยเป็นอดีต ส.ส. หรือผู้สมัครของพรรคไทยรักไทย หรือพรรคพลังประชาชนมาก่อน เช่น ประแสง มงคลสิริ จากอุทัยธานี พายัพ ปั้นเกตุ จากสิงห์บุรี ขณะที่บางราย อาทิ พ.ต.ท.ไวพจน์ อาภรณ์รัตน์ และ อริสมันต์ พงศ์เรืองรอง อดิศร เพียงเกษ ก็ส่งภรรยาลงสมัครแทน เนื่องจากตัวเองติดปัญหาไม่สามารถลงสมัครเลือกตั้งได้
ที่หน้าใหม่มาเลย และตอบแทนได้อย่างสมน้ำสมเนื้อ เห็นจะมีแค่ นพ.เหวง โตจิราการ ที่อยู่ในอันดับรับประกันซ่อมฟรีว่าต้องเป็น ส.ส.แน่นอน ด้วยความที่เป็นแกนนำตัวหลัก ตัวเป้ง เข้าไปนอนคุกนอนตารางมาแล้ว อีกคนหนึ่งที่มีลุ้นได้เป็น ส.ส. คือ วิภูแถลง พัฒนภูมิไท
ส่วนพวกที่ออกอาการไม่พอใจ จะว่าไปแล้วก่อนหน้านี้ก็เป็นเพียงแกนนำชุมชน เป็นผู้จัดรายการวิทยุเสียงตามสาย เหมือนหัวคะแนนทั่วๆไปเท่านั้น เพียงแต่ช่วงที่มีการเคลื่อนไหวหนัก ได้มีโอกาสออกหน้าออกตา เป็นข่าวผ่านสื่อมากบ้างน้อยบ้าง และก็ได้รับการยกย่องเชิดชูจากเพียงแค่คนเสื้อแดงกลุ่มท้องถิ่นด้วยกัน
แต่ในทางการเมือง คนเหล่านี้ไม่ใช่ตัวจริง ไม่มีฐานเสียง ฐานคะแนนที่แน่นหนากว้างขวางพอที่จะผลักดันตัวเองให้ได้รับคะแนนเสียงมากถึงระดับที่พรรคจะส่งเป็นผู้สมัครได้ คนเหล่านี้ก็รู้ตัวเองดี ถ้าลงสมัคร ส.ส.ระบบเขตแล้วก็แทบไม่มีโอกาสชนะอดีตส.ส.เจ้าของพื้นที่เดิม
จึงคาดหวังว่าพรรคจะให้โอกาสเป็นผู้สมัคร ส.ส.บัญชีรายชื่อ ในลำดับที่พอจะคาดหวังถึงการเป็นผู้แทนได้บ้าง เหมือนเป็นการเติบโตทางการเมืองทางลัด แต่สุดท้ายเมื่อหวังไม่เป็นดังหวังจึงไม่พอใจออกอาการฟาดงวงฟาดงา
พรรคเพื่อไทยเองก็ไม่ได้ยี่หระกับเสียงของคนเหล่านี้มากเท่าไหร่ จะตัดหางปล่อยวัดไปเลยก็ไม่มีผลกระทบสักเท่าไรนัก แต่ช่วงหน้าสิ่วหน้าขวาน ช่วงการเลือกตั้งที่ทุกสรรพเสียง จำเป็นอย่างยิ่งยวดต่อการเดิมพันกลับมาเป็นรัฐบาล พา “นายใหญ่” หนีคดีอาญากลับประเทศ จะหักด้ามพร้าด้วยเข่าย่อมไม่ดีแน่ การใช้วิธีอะลุ้มอล่วย พูดจาประนีประนอมกัน นับเป็นทางเลือกที่ดีกว่า
อย่างไรก็ตาม ถ้าวันข้างหน้ามีอำนาจอยู่ในมือ ได้ดีแล้วมองไม่เห็นหัวเพื่อน เหลียวหลังกลับมามองเพื่อนร่วมรบ-ศพร่วมหลุมแบบไม่ให้ราคา เย่อหยิ่งผยองโดยไม่นำการต่อสู้ร่วมกันในอดีตมาทบทวน ว่าคนเหล่านี้ล้วนเป็นฝ่ายที่สนับสนุนพรรคเพื่อไทยตลอดมา
วันนั้นอาจเกิดเหตุการณ์สงครามแดงเดือด ฟาดปากกันเองระหว่างเพื่อไทยกับคนเสื้อแดง จากมิตรอาจกลายเป็นศัตรูตัวฉกาจ!!
