กายจนลุรี - อธิบดีกรมป่าไม้ เดือด ผลงานฉก.ปราบรุกป่ากาญจน์ไม่เข้าเป้า สั่งลุยสวนยางรุกป่าสังขละบุรีอีกรอบ ไม่เสร็จไม่ย้ายลงทองผาภูมิ
เมื่อเวลา 14 .10 น. วันนี้ (20 พฤษภาคม 2554) นายสุวิทย์ รัตนมณี อธิบดีกรมป่าไม้ พร้อมนายเริงชัย ประยูรเวช รองอธิบดีกรมป่าไม้ เป็น หน.ชุดเฉพาะกิจป้องกันปราบปรามการบุกรุกทำลายทรัพยากรป่าไม้พื้นที่จังหวัดกาญจนบุรี เดินทางโดย เครื่องบินเฮลิคอปเตอร์ถึงที่ลานจอด ฮ. เขื่อนวชิราลงกรณ อ.ทองผาภูมิ จ.กาญจนบุรี จากนั้นเดินทางไปที่สำนักงานหน่วยป้องกันรักษาป่า ที่ กจ.4 พื้นที่ บ้านเกริงกาเวีย ต.ชะแล อ.ทองผาภูมิ จ.กาญจนบุรี จากนั้นนายสุวิทย์ได้ประชุมร่วมกับชุดเฉพาะกิจป้องกันปราบปรามการบุกรุกทำลายทรัพยากรป่าไม้พื้นที่จังหวัดกาญจนบุรี โดย ชุดฉก.ปราบปราบรุกป่าได้บรรยายสรุปผลการปฏิบัติงานว่า ตั้งแต่วันที่ 12 พ.ค.2544 ถึงวันที่ 19 พ.ค.254 ได้ทำการตรวจยึดจับกุม 21 คดี เป็นคดีบุกรุกพื้นที่ป่าจำนวน 19 คดี รวมเนื้อที่ 2,413 -3-37 ไร่ ได้ตัวผู้ต้องหา 1 คน มีการจับคดีตรวจยึดไม้ 2 คดี ตรวจยึดไม้กระยาเลย 7 ท่อน ปริมาตร 1.116 ลบ.เมตร ไม้แปรรูป 35 แผ่น ปริมาตร 0.412 ลบ.เมตร จับกุมผู้กระทำผิด 3 คน และตรวจยึดอุปกรณ์การกระทำผิดรถกระบะ 1 คัน รถแทร็คเตอร์ล้อยาง 1 คัน เลื่อยโซ่ยนต์ 2 เครื่อง
ในที่ประชุม นายสุวิทย์ รัตนมณี อธิบดีกรมป่าไม้ ได้กล่าวว่า ตนมีความเห็นว้าผลการปฏิบัติงานยังไม่ตรงตามวัตถุประสงค์ เพราะมีแต่การจับกุมตรวจยึดพื้นที่แปลงแผ้วถางใหม่ส่วนใหญ่ยังไม่มีการทำประโยชน์ ถามว่าแปลงใหญ่ไม่มีใช่ไหม ถ้ามีทำไมไม่จับไม่ตรวจสอบเราต้องตรวจสอบต้องจับ ต้องปรับการทำงานใหม่ต้องตรวจสอบพื้นที่แปลงใหญ่ที่มีการทำประโยชน์ไม่ว่าบึกรุก1 ปี 2 ปี 5 ปี หรือ กี่ปีก็ตามก็ต้องจับทั้งหมดและรื้อถอน เพื่อป้องปรามให้คนที่ทำผิดกฎหมายทราบว่ากระทำผิดต้องได้รับโทษ อย่างเช่นปลูกจนต้นไม้ใหญ่สามารถใช้ประโยชน์ได้แล้ว ไม่ว่าจะทำประโยชน์มานานเท่าไหร่ ต้องทำให้สังคมรับทราบว่าการบุกรุกพื้นที่ป่าไม้ต้องได้รับโทษตามกฎหมาย แบบนี้ต้องเข้าไปตรวจสอบ เท่าที่ฟังดูแล้วไม่ตรงกลุ่มเป้าหมาย หากทำได้แค่นี้เล็กๆน้อยมันไม่ใช่ เพราะดูมาแล้วจากแผนที่ภาพถ่าย ปี 51 ปี 52 มีเป้าหมายที่เราต้องทำ เพราะฉะนั้นภารกิจนี้ยังไม่บรรลุเป้าหมาย ต้องดำเนินการต่อไป เราต้องเอาพื้นที่ที่เป็นป่าที่ถูกบุกรุกไปทำสวนยาแล้วให้กลับคืนมาให้ นายทุนที่ลงทุนไปแล้วต้องปราบต้องตัดทำลายให้ได้ ต้องกลับไปทบทวนใหม่ หากชุดนี้ทำไม่ได้จะหาชุดใหม่มาทำ ถ้าพิสูจน์ได้ว่าผิดไปจากที่รายงาน คุณต้องรับผิดชอบ ทุกคนที่อยู่ในหน่วยนี้ต้องรับผิดชอบ หากกลับไปทบทวนแล้วยังยืนยันเหมือนเดิม ผมจะให้ชุดใหม่มาทำหากผลการตรวจสอบของชุดใหม่เป็นอีกแบบหนึ่งต้องรับผิดชอบ เพราะฉะนั้นต้องไปทบทวนใหม่ เพราะหากผู้ใหญ่พูดก็บอกว่าไม่พอใจในการทำงานเท่าที่ควรก็ต้องกลับไป ก็แปลว่าการทำงานไม่ตรงเป้า
หลังการประชุมเสร็จสิ้น นายสุวิทย์ รัตนมณี อธิบดีกรมป่าไม้ เปิดเผยด้วยน้ำเสียงเคร่งเครียดท่าทางเอาจริงเอาจังว่า ตนมาติดตามภารกิจที่มาได้รับมอบหมายมาในครั้งนี้ คือการจับกุมผู้บุกรุกเข้ามาครอบครองพื้นที่ป่า เพื่อทำสวนยางทำไร่ทำสวน มีนายทุนชี้ที่ขาย นายทุนมาซื้อที่ปลูกสวนยา จากการสืบทราบในเบื้องลึกมีการกระทำผิดจริง เราจึงตั้งชุดเฉพาะกิจมาปราบปรามเพื่อนำผู้กระทำผิดมาลงโทษ เพื่อเป็นการยับยั้งให้ผู้ที่คิดจะกระทำผิดให้เลิกไปซะ แล้วจะบอกคนที่ลงทุนไปแล้วให้เลิกไปซะเพราะการกระทำของท่านถ้ากระทำผิดกฎหมายกี่ปีกี่ชาติก็ต้องผิดกฎหมาย ไม่ใช่บอกว่าทำมา10ปีแล้วขอเถอะขอเถอะไม่มี ต้องลงโทษโดยเด็ดขาด พอมอบภารกิจให้เจ้าหน้าที่มาทำยังมีปัญหาอุปสรรคหลายที่ต้องรับข้อเท็จจริงและข้อชี้แจงหลายอย่าง ซึ่งก็ทบทวนแล้วก็ให้คำแนะนำไปใหม่แล้วว่าต้องทำอย่างไร
อธิบดีกรมป่าไม้ ย้ำต่อว่า ตนให้ความสำคัญพื้นที่บุกรุกเก่ามากกว่าพื้นที่ใหม่เพราะพื้นที่เก่าเป็นพื้นที่ทำแล้วได้ผลผลิตปลุกยางได้น้ำยางมาขายเป็นแรงจูงใจให้คนมาลงทุนรุกพื้นที่ป่าต่างๆ ผมจึงอยากให้ดำเนินการในประเด็นนี้มากที่สุดคือต้องจับกุมและทำลายให้หมด เพื่อที่จะสร้างความเชื่อมั่นว่าเราทำได้และสร้างความเกรงกลัวแก่ผู้กระทำผิดว่า ทำผิดกฎหมายยังไงก็ต้องทำลาย จะมีมูลค่าเท่าไหร่ กี่ปีกี่พันกี่แสนกี่ล้านบาทมีมูลค่าเท่าไหร่ก็ไม่สนใจเพราะทำผิดกฎหมายต้องทำลาย ขบวนการชี้ที่ป่าขายก็จะหมดไป ขบวนการที่จะเชิญชวนนายทุนจากภาคอื่นมาลงทุนก็จะเลิกกันไปเพราะว่าเราเอาจริง เราจะเอาที่นี่เป็นต้นแบบเป็นโมเดลของประเทศไทย ต้องนี้ต้อง 100%ถึงย้ายได้ ถ้าไม่100%ก็ไม่ไป ตีเมืองแล้วต้องทำยอมทุกอย่างลงทุนทุกอย่างแล้วถ้าไม่เสร็จก็ไม่กลับ ที่จับกุมมาแล้วแค่ 2,000 กว่าไร่ ถ้าตรวจกันจริงๆแล้วต้องเป็นหมื่นไร่ตั้งแต่สังขละบุรี ทองผาภูมิ ไทรโยคต้องเป็นหมื่นไร่ เราบอกแล้วว่าไม่เลิกถ้าไม่เสร็จ จะย้ายมาทองผาภูมิโดยสังขละบุรีไม่เสร็จไม่ได้ ต้องกลับไปทำที่สังขละบุรีใหม่ ต้องไปเอาให้หมด
เมื่อเวลา 14 .10 น. วันนี้ (20 พฤษภาคม 2554) นายสุวิทย์ รัตนมณี อธิบดีกรมป่าไม้ พร้อมนายเริงชัย ประยูรเวช รองอธิบดีกรมป่าไม้ เป็น หน.ชุดเฉพาะกิจป้องกันปราบปรามการบุกรุกทำลายทรัพยากรป่าไม้พื้นที่จังหวัดกาญจนบุรี เดินทางโดย เครื่องบินเฮลิคอปเตอร์ถึงที่ลานจอด ฮ. เขื่อนวชิราลงกรณ อ.ทองผาภูมิ จ.กาญจนบุรี จากนั้นเดินทางไปที่สำนักงานหน่วยป้องกันรักษาป่า ที่ กจ.4 พื้นที่ บ้านเกริงกาเวีย ต.ชะแล อ.ทองผาภูมิ จ.กาญจนบุรี จากนั้นนายสุวิทย์ได้ประชุมร่วมกับชุดเฉพาะกิจป้องกันปราบปรามการบุกรุกทำลายทรัพยากรป่าไม้พื้นที่จังหวัดกาญจนบุรี โดย ชุดฉก.ปราบปราบรุกป่าได้บรรยายสรุปผลการปฏิบัติงานว่า ตั้งแต่วันที่ 12 พ.ค.2544 ถึงวันที่ 19 พ.ค.254 ได้ทำการตรวจยึดจับกุม 21 คดี เป็นคดีบุกรุกพื้นที่ป่าจำนวน 19 คดี รวมเนื้อที่ 2,413 -3-37 ไร่ ได้ตัวผู้ต้องหา 1 คน มีการจับคดีตรวจยึดไม้ 2 คดี ตรวจยึดไม้กระยาเลย 7 ท่อน ปริมาตร 1.116 ลบ.เมตร ไม้แปรรูป 35 แผ่น ปริมาตร 0.412 ลบ.เมตร จับกุมผู้กระทำผิด 3 คน และตรวจยึดอุปกรณ์การกระทำผิดรถกระบะ 1 คัน รถแทร็คเตอร์ล้อยาง 1 คัน เลื่อยโซ่ยนต์ 2 เครื่อง
ในที่ประชุม นายสุวิทย์ รัตนมณี อธิบดีกรมป่าไม้ ได้กล่าวว่า ตนมีความเห็นว้าผลการปฏิบัติงานยังไม่ตรงตามวัตถุประสงค์ เพราะมีแต่การจับกุมตรวจยึดพื้นที่แปลงแผ้วถางใหม่ส่วนใหญ่ยังไม่มีการทำประโยชน์ ถามว่าแปลงใหญ่ไม่มีใช่ไหม ถ้ามีทำไมไม่จับไม่ตรวจสอบเราต้องตรวจสอบต้องจับ ต้องปรับการทำงานใหม่ต้องตรวจสอบพื้นที่แปลงใหญ่ที่มีการทำประโยชน์ไม่ว่าบึกรุก1 ปี 2 ปี 5 ปี หรือ กี่ปีก็ตามก็ต้องจับทั้งหมดและรื้อถอน เพื่อป้องปรามให้คนที่ทำผิดกฎหมายทราบว่ากระทำผิดต้องได้รับโทษ อย่างเช่นปลูกจนต้นไม้ใหญ่สามารถใช้ประโยชน์ได้แล้ว ไม่ว่าจะทำประโยชน์มานานเท่าไหร่ ต้องทำให้สังคมรับทราบว่าการบุกรุกพื้นที่ป่าไม้ต้องได้รับโทษตามกฎหมาย แบบนี้ต้องเข้าไปตรวจสอบ เท่าที่ฟังดูแล้วไม่ตรงกลุ่มเป้าหมาย หากทำได้แค่นี้เล็กๆน้อยมันไม่ใช่ เพราะดูมาแล้วจากแผนที่ภาพถ่าย ปี 51 ปี 52 มีเป้าหมายที่เราต้องทำ เพราะฉะนั้นภารกิจนี้ยังไม่บรรลุเป้าหมาย ต้องดำเนินการต่อไป เราต้องเอาพื้นที่ที่เป็นป่าที่ถูกบุกรุกไปทำสวนยาแล้วให้กลับคืนมาให้ นายทุนที่ลงทุนไปแล้วต้องปราบต้องตัดทำลายให้ได้ ต้องกลับไปทบทวนใหม่ หากชุดนี้ทำไม่ได้จะหาชุดใหม่มาทำ ถ้าพิสูจน์ได้ว่าผิดไปจากที่รายงาน คุณต้องรับผิดชอบ ทุกคนที่อยู่ในหน่วยนี้ต้องรับผิดชอบ หากกลับไปทบทวนแล้วยังยืนยันเหมือนเดิม ผมจะให้ชุดใหม่มาทำหากผลการตรวจสอบของชุดใหม่เป็นอีกแบบหนึ่งต้องรับผิดชอบ เพราะฉะนั้นต้องไปทบทวนใหม่ เพราะหากผู้ใหญ่พูดก็บอกว่าไม่พอใจในการทำงานเท่าที่ควรก็ต้องกลับไป ก็แปลว่าการทำงานไม่ตรงเป้า
หลังการประชุมเสร็จสิ้น นายสุวิทย์ รัตนมณี อธิบดีกรมป่าไม้ เปิดเผยด้วยน้ำเสียงเคร่งเครียดท่าทางเอาจริงเอาจังว่า ตนมาติดตามภารกิจที่มาได้รับมอบหมายมาในครั้งนี้ คือการจับกุมผู้บุกรุกเข้ามาครอบครองพื้นที่ป่า เพื่อทำสวนยางทำไร่ทำสวน มีนายทุนชี้ที่ขาย นายทุนมาซื้อที่ปลูกสวนยา จากการสืบทราบในเบื้องลึกมีการกระทำผิดจริง เราจึงตั้งชุดเฉพาะกิจมาปราบปรามเพื่อนำผู้กระทำผิดมาลงโทษ เพื่อเป็นการยับยั้งให้ผู้ที่คิดจะกระทำผิดให้เลิกไปซะ แล้วจะบอกคนที่ลงทุนไปแล้วให้เลิกไปซะเพราะการกระทำของท่านถ้ากระทำผิดกฎหมายกี่ปีกี่ชาติก็ต้องผิดกฎหมาย ไม่ใช่บอกว่าทำมา10ปีแล้วขอเถอะขอเถอะไม่มี ต้องลงโทษโดยเด็ดขาด พอมอบภารกิจให้เจ้าหน้าที่มาทำยังมีปัญหาอุปสรรคหลายที่ต้องรับข้อเท็จจริงและข้อชี้แจงหลายอย่าง ซึ่งก็ทบทวนแล้วก็ให้คำแนะนำไปใหม่แล้วว่าต้องทำอย่างไร
อธิบดีกรมป่าไม้ ย้ำต่อว่า ตนให้ความสำคัญพื้นที่บุกรุกเก่ามากกว่าพื้นที่ใหม่เพราะพื้นที่เก่าเป็นพื้นที่ทำแล้วได้ผลผลิตปลุกยางได้น้ำยางมาขายเป็นแรงจูงใจให้คนมาลงทุนรุกพื้นที่ป่าต่างๆ ผมจึงอยากให้ดำเนินการในประเด็นนี้มากที่สุดคือต้องจับกุมและทำลายให้หมด เพื่อที่จะสร้างความเชื่อมั่นว่าเราทำได้และสร้างความเกรงกลัวแก่ผู้กระทำผิดว่า ทำผิดกฎหมายยังไงก็ต้องทำลาย จะมีมูลค่าเท่าไหร่ กี่ปีกี่พันกี่แสนกี่ล้านบาทมีมูลค่าเท่าไหร่ก็ไม่สนใจเพราะทำผิดกฎหมายต้องทำลาย ขบวนการชี้ที่ป่าขายก็จะหมดไป ขบวนการที่จะเชิญชวนนายทุนจากภาคอื่นมาลงทุนก็จะเลิกกันไปเพราะว่าเราเอาจริง เราจะเอาที่นี่เป็นต้นแบบเป็นโมเดลของประเทศไทย ต้องนี้ต้อง 100%ถึงย้ายได้ ถ้าไม่100%ก็ไม่ไป ตีเมืองแล้วต้องทำยอมทุกอย่างลงทุนทุกอย่างแล้วถ้าไม่เสร็จก็ไม่กลับ ที่จับกุมมาแล้วแค่ 2,000 กว่าไร่ ถ้าตรวจกันจริงๆแล้วต้องเป็นหมื่นไร่ตั้งแต่สังขละบุรี ทองผาภูมิ ไทรโยคต้องเป็นหมื่นไร่ เราบอกแล้วว่าไม่เลิกถ้าไม่เสร็จ จะย้ายมาทองผาภูมิโดยสังขละบุรีไม่เสร็จไม่ได้ ต้องกลับไปทำที่สังขละบุรีใหม่ ต้องไปเอาให้หมด