ศูนย์ข่าวเชียงใหม่ - กรมส่งเสริมการส่งออกจับมือศูนย์วิจัยโลจิสติกส์ ม.หอการค้าไทย จัดการสัมมนาเผยผลวิจัยศึกษาเส้นทางขนส่งเชิงเจาะลึกใน 9 เมืองยุทธศาสตร์เศรษฐกิจของจีน ให้ผู้ประกอบการในพื้นที่ภาคเหนือ หวังสามารถนำไปปรับใช้เลือกเส้นทางการขนส่งที่เหมาะสมและคุ้มค่าที่สุดในการทำธุรกิจหากเข้าไปลงทุนในแดนมังกร
ศูนย์ส่งเสริมการส่งออกภาคเหนือ(เชียงใหม่) กรมส่งเสริมการส่งออก กระทรวงพาณิชย์ ร่วมกับศูนย์วิจัยโลจิสติกส์ มหาวิทยาลัยหอการค้าไทย จัดการสัมมนาเรื่อง "เส้นทางโลจิสติกส์ไทยสู่แดนมังกร" โดยมีผู้ประกอบการในจังหวัดเชียงใหม่และจังหวัดใกล้เคียงในพื้นที่ภาคเหนือเข้าร่วมประมาณ 100 คน ที่โรงแรม เลอ เมอร์ริเดียน จังหวัดเชียงใหม่
ทั้งนี้ผู้ช่วยศาสตราจารย์ ดร.วันชัย รัตนวงษ์ รองอธิการฝ่ายวางแผนและพัฒนา มหาวิทยาลัยหอการค้าไทย และผู้อำนวยการศูนย์วิจัยโลจิสติกส์ กล่าวว่า การสัมมานาในครั้งนี้เป็นการให้ข้อมูลที่เป็นประโยชน์ในการทำธุรกิจแก่ผู้ประกอบการในพื้นที่ภาคเหนือที่ลงทุนหรือสนใจจะเข้าไปลงทุนค้าขายในประเทศจีน โดยเป็นการให้ข้อมูลอย่างละเอียดเจาะลึกที่ได้จากการศึกษาวิจัยเกี่ยวกับเส้นทางการขนส่งเข้าสู่ 9 เมืองที่มีความสำคัญทางเศรษฐกิจของจีน ได้แก่ คุนหมิง เฉิงตู ฉงชิ่ง เซี่ยงไฮ้ หนานหนิง เซี่ยหมิน ซีอาน กวางโจว และปักกิ่ง
ทั้ง 9 เมืองดังกล่าวนั้น ถืเป็นเมืองที่มีบทบาทความสำคัญทางเศรษฐกิจของจีนอย่างมาก เนื่องจากเป็นเมืองที่มีอัตราการเจริญเติบโตทางเศรษฐกิจสูง ซึ่งมีการเพิ่มขึ้นขึ้นของ GDP เฉลี่ยสูงถึงร้อย 11 ซึ่งข้อมูลเกี่ยวกับเส้นทางขนส่งดังกล่าวนี้ ทางผู้ประกอบการสามารถนำไปใช้ได้ทันที ในการเลือกใช้เส้นทางที่เหมาะสมที่สุดกับแต่ละประเภทสินค้าและแต่ละเมือง เพื่อช่วยลดต้นทุนและทำให้เกิดความคุ้มค่าในการทำธุรกิจมากที่สุด
"ปัจจุบัน ผู้ประกอบการไทยเข้าไปทำมาค้าขายในเมืองต่างๆ ของจีนเป็นจำนวนมาก แต่จำนวนไม่น้อยน่าจะยังไม่มีข้อมูลที่ละเอียดมากพอเกี่ยวกับเส้นทางการขนส่งว่าเส้นทางใด ที่มีความเหมาะสมและคุ้มค่าในการทำธุรกิจมากที่สุด ซึ่งข้อมูลที่มีการเสนอในการสัมมนาครั้งนี้ น่าจะช่วยผู้ประกอบการในการเลือกใช้เส้นทางการขนส่งที่มีความเหมาะสมและคุ้มค่ามากที่สุดได้ดียิ่งขึ้น" ผู้ช่วยศาสตราจารย์ ดร.วันชัย กล่าว
ขณะเดียวกัน ผู้ช่วยศาสตราจารย์ ดร.วันชัย กล่าวว่า นอกเหนือจากการให้ความสำคัญกับการเลือกใช้เส้นทางการขนส่งที่เหมาะสมคุ้มค่าแล้ว ผู้ประกอบการไทยยังมีความจำเป็นที่จะต้องให้ความสำคัญเกี่ยวกับคุณภาพและมาตรฐานสินค้าที่เป็นไปตามกฎเกณฑ์หรือข้อกำหนดของ ทางฝ่ายจีนด้วย ทั้งนี้เพื่อหลีกเลี่ยงปัญหาการตีกลับสินค้าที่มักจะเกิดขึ้นอยู่อยู่เสมอ
