สุรินทร์ - ด่านศุลกากรช่องจอม อำเภอกาบเชิง สุรินทร์ อนุญาตให้ส่งออกน้ำมัน สินค้ายุทธปัจจัยเข้าเขมรแล้ว หลังสั่งห้ามจากเหตุปะทะชายแดนสุรินทร์ อ้างเป็นการผ่อนปรนแก้ปัญหาความเดือดร้อนของผู้ประกอบการ และไม่ใช่จุดสู้รบ ด้านชาวกัมพูชาทยอยนำสินค้าเข้ามาขายในตลาดชายแดนช่องจอมมากขึ้น แต่ยังซบเซา ปชช.-นักท่องเที่ยวหายไปกว่า 50% เหตุผวาการสู้รบหลังผู้นำ 2 ประเทศเจรจาเหลวที่อินโดฯ
วันนี้ (12 พ.ค.) ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ที่จุดผ่านแดนถาวรไทย-กัมพูชา ช่องจอม-โอร์เสม็ด ต.ด่าน อ.กาบเชิง จ.สุรินทร์ ซึ่งเปิดให้ประชาชนทั้ง 2 ประเทศได้ผ่านแดนเข้าออกเพื่อการค้าขายและการท่องเที่ยวตามปกติ ตั้งแต่วันที่ 4 พ.ค.หลังจากต้องปิดเป็นนานเวลาหลายวันจากเหตุการณ์ปะทะกันระหว่างทหารไทยกับทหารกัมพูชา บริเวณชายแดนด้าน อ.พนมดงรัก จ.สุรินทร์ แต่ยังคงมีคำสั่งห้ามส่งน้ำมันเชื้อเพลิง สินค้ายุทธปัจจัยต่างๆ เข้าไปยังประเทศกัมพูชาด้วยเหตุผลด้านความมั่นคงนั้น
ล่าสุด เจ้าหน้าที่ด่านศุลกากรช่องจอม เปิดเผยว่า ขณะนี้ทางด้านศุลกากรช่องจอมได้อนุญาตให้ผู้ประกอบการค้าน้ำมันฝั่งกัมพูชาสามารถนำเข้าสินค้าน้ำมันเชื้อเพลิงได้แล้ว โดยล่าสุดได้นำเข้าน้ำมันดีเซล 80,000 ลิตร และน้ำมันเบนซิน 40,000 ลิตร
ทั้งนี้ เป็นการผ่อนปรนเพื่อแก้ไขปัญหาความเดือดร้อนของผู้ประกอบการเนื่องจากได้มีการสั่งซื้อน้ำเชื้อเพลิงไว้ล่วงหน้าแล้ว ซึ่งน้ำมันเชื้อเพลิงที่สั่งซื้อจากประเทศไทยส่วนใหญ่เป็นการสั่งซื้อโดยตรง จากโรงกลั่นน้ำมันที่ จ.ระยอง เพื่อนำเข้าไปแบ่งจำหน่ายให้กับประชาชนชาวกัมพูชาตามปั๊มหลอด รวมทั้งบรรจุถังและขวด จำหน่าย ในเขต จ.อุดรมีชัย, จ.เสียมราฐ และ จ.พระวิหาร ประเทศกัมพูชา
ส่วนปูนซีเมนต์รวมทั้งวัสดุก่อสร้างต่างๆ ก็ให้มีการส่งออกเข้าไปยังประเทศกัมพูชาตามปกติ แต่จะมีการตรวจตราอย่างเข้มงวดมากกว่าภาวะปกติ
ทั้งนี้ เนื่องจากเหตุการณ์การปะทะกันของทหารทั้ง 2 ฝ่ายได้สงบลงแล้ว และทำการเปิดด่านให้มีการค้าขายอีกครั้งตั้งแต่ 4 พ.ค.ที่ผ่านมา อีกทั้งด่านผ่านแดนถาวรช่องจอม เป็นด่านการค้าขายเสรี ไม่ใช่จุดที่เกิดการสู้รบ โดยแต่ละปีที่ผ่านมาด่านช่องจอมมีมูลค่าการค้าชายแดนมากกว่า 1,8000 ล้านบาท ซึ่งไทยได้เปรียบดูลการค้าเป็นจำนวนมาก นำเข้าสินค้าจากกัมพูชาเพียงไม่ปีละไม่กี่ล้านบาท ส่วนใหญ่เป็นรถจักรยานมือสอง เสื้อผ้ามือสอง และไม้สมุนไพร ขณะที่กัมพูชานำเข้าสินค้าจากไทยส่วนมากเป็นวัสดุก่อสร้าง น้ำมันเชื้อเพลิง และเครื่องอุปโภคบริโภค
ผู้สื่อข่าวรายงานอีกว่า สำหรับบรรยากาศการค้าขายและการท่องเที่ยวบริเวณตลาดชายแดน ด่านผ่านแดนถาวรช่องจอม ต.กาบเชิง อ.กาบเชิง ขณะนี้ยังซบเซา ถึงแม้บรรดาพ่อค้า แม่ค้าชาวกัมพูชาได้เริ่มทยอย นำสินค้ามือสอง ทั้งเสื้อผ้า ผ้าห่ม และรถจักรยาน เข้ามาจำหน่ายในตลาดชายแดนช่องจอม ฝั่งไทยกันมากขึ้น แต่มีนักท่องเที่ยวเดินทางมาท่องเที่ยวกันน้อย
เจ้าหน้าที่ด่านตรวจคนเข้าเมืองนครราชสีมา ประจำด่านผ่านแดนถาวรช่องจอม-โอร์เสม็ด ต.ด่าน อ.กาบเชิง เปิดเผยว่า ตามปกติจะมีนักท่องเที่ยวชาวไทยเดินทางข้ามไปยังฝั่งกัมพูชาวันละไม่ต่ำกว่า 800-900 คน แต่ขณะนี้นักท่องเที่ยวลดลงไปกว่า 50% ชาวกัมพูชาที่เข้ามาซื้อสินค้าก็น้อยลงตามไปด้วย ยิ่งผลการเจรจาระดับผู้นำประเทศทั้ง 2 ประเทศในเวทีอาเซียนล้มเหลว ยิ่งเพิ่มความหวาดวิตกให้กับชาวไทยและชาวกัมพูชาที่จะมาค้าขายหรือท่องเที่ยวกันมากขึ้นเพราะไม่มั่นใจในความปลอดเกรงจะมีการสู้รบเกิดขึ้นอีก