xs
xsm
sm
md
lg

ค้าชายแดนวันที่2ยังไม่คึก เร่งสร้างบังเกอร์182แห่ง

เผยแพร่:   โดย: MGR Online

ศูนย์ข่าวนครราชสีมา - เปิด “ด่านช่องจอม-ช่องสะงำ” ชายแดนสุรินทร์และศรีสะเกษวันที่ 2 หลังหยุดปะทะเดือดชายแดนสุรินทร์ บรรยากาศการค้าขายยังไม่ค่อยคึกคักเหตุเป็นช่วงแรกของการเปิดด่านและพ่อค้าประชาชนชาวไทย-กัมพูชายังกังวลกับเหตุการณ์สู้รบอยู่ ทำให้ชาวกัมพูชาต้องเร่งรีบซื้อสินค้าขนกลับเข้าฝั่งเขมร ด้านผู้ว่าฯ บุรีรัมย์ของบฉุกเฉินกรมบัญชีกลางกว่า 18 ล้านก่อสร้างหลุมหลบภัยในหมู่บ้านเสี่ยงภัย 2 อำเภอแนวชายแดนไทย-กัมพูชารวม 182 แห่ง เพื่อป้องกันอันตรายจากเหตุปะทะ

**ทหาร2ประเทศยังตรึงตลอดแนวชายแดน

พ.อ.ประวิทย์ หูแก้ว รองเสนาธิการกองทัพภาคที่ 2 และโฆษกกองทัพภาคที่ 2 เปิดเผยว่า สถานการณ์บริเวณชายแดนไทย-กัมพูชาตลอดทั้งแนวขณะนี้คลี่คลายดีขึ้นมาก ซึ่งตลอดระยะเวลา 2 วันที่ผ่านมาไม่มีเสียงปืนดังขึ้นแม้แต่นัดเดียว และไม่มีการปะทะกันของทหารทั้งสองฝ่าย เนื่องจากผู้บังคับหน่วยทหารที่กำกับดูแลอยู่ในพื้นที่ของทั้งสองฝ่ายได้พูดคุยและกำชับกำลังพลของตนเอง เพื่อไม่ให้เกิดเหตุการณ์ปะทะขึ้นอีก จนกระทั่งสถานการณ์คลี่คลายลงไปในทางที่ดี

กระทั่ง พล.ท.ธวัชชัย สมุทรสาคร แม่ทัพภาคที่ 2 ได้หารือร่วมกับทางผู้ว่าราชการจังหวัดสุรินทร์และมีความเห็นให้เปิดด่านช่องจอมจังหวัดสุรินทร์ ได้ตั้งแต่เมื่อวันที่ 4 พ.ค.ที่ผ่านมา เนื่องจากมีการประเมินแล้วว่า สถานการณ์น่าจะคลี่คลายสงบลงและมีความปลอดภัยต่อประชาชนของทั้งสองฝ่าย

ทั้งนี้ ปัจจุบันกำลังทหารของทั้งสองฝ่ายก็ยังคงตรึงกำลังอยู่ในพื้นที่ แต่การเผชิญหน้าก็มีความผ่อนคลายความตึงเครียดลงไปมากกว่าเดิม และคาดว่าสถานการณ์จะดีขึ้นเป็นลำดับ แต่อย่างไรก็ตามทางแม่ทัพภาคที่ 2 ก็ได้สั่งกำชับกำลังพลที่ปฏิบัติหน้าที่ให้ระมัดระวังตลอด 24 ชั่วโมงเพื่อความไม่ประมาท

**การค้า“ช่องจอม”ยังไม่คึกคัก

วานนี้(5 พ.ค.)ผู้สื่อข่าวรายงานว่าที่บริเวณด่านผ่านแดนถาวรไทย-กัมพูชา ช่องจอม-โอร์เสม็ด ต.ด่าน อ.กาบเชิง จ.สุรินทร์ ทางการไทยได้เปิดด่านให้ประชาชน 2 ประเทศได้เข้า-ออกเพื่อการค้าขายและการท่องเที่ยว เป็นวันที่ 2 หลังถูกสั่งปิดชั่วคราวอย่างไม่มีกำหนดจากเหตุการณ์สู้รบอย่างรุนแรงระหว่างทหารไทยกับทหารกัมพูชาบริเวณชายแดนด้าน อ.พนมดงรัก จ.สุรินทร์ ตั้งแต่วันที่ 22 เม.ย.เป็นต้นมา ก่อนที่ แม่ทัพภาคที่ 2 และผู้ว่าราชการจังหวัดสุรินทร์ได้มีคำสั่งให้ทำการเปิดด่านผ่านแดนถาวรช่องจอมอีกครั้งเมื่อเวลา 10.00 น.เมื่อวันที่ 4 พ.ค.ที่ผ่านมาหลังเหตุการณ์ปะทะของทหาร 2 ฝ่ายได้ยุติลง

ต่อมาเมื่อเวลา 07.00 น.วานนี้ ทันทีที่เจ้าหน้าที่ศุลกากรช่องจอม ของไทย ได้เปิดประตูด่านผ่านแดนถาวรช่องจอม-โอร์เสม็ด บรรดาพ่อค้าแม่ประชาชนชาวกัมพูชา ได้พากันเร่งรีบขนสินค้าข้ามเข้ามาในฝั่งไทย และเข้าติดต่อทำหนังสือขอผ่านแดนกับเจ้าหน้าที่ด่านตรวจคนเข้าเมืองกาบเชิงเพื่อนำสินค้าต่าง ๆ ไปวางขายที่ตลาดชายแดนช่องจอมลึกเข้าไปในฝั่งไทย ราว 3 กิโลเมตร ท่ามกลางกำลังเจ้าหน้าที่ทหาร ตำรวจ และอาสาสมัครรักษาดินแดน (อส.) อำเภอกาบเชิง รักษาความสงบเรียบร้อยและทำการตรวจตราป้องกันการลักลอบนำสินค้าผิดกฎหมายเข้ามายังฝั่งไทยอย่างเข้มงวด

อย่างไรก็ตาม วานนี้พบว่ามีประชาชนพ่อค้าแม่ค้าชาวกัมพูชาจำนวนไม่มากนักที่นำสินค้ามาขาย ซึ่งส่วนใหญ่เป็นพืชผักของป่า เช่น เห็ด มะม่วง ผักหวาน อึ้งอ่าง เข้ามาขายให้กับประชาชนนักท่องเที่ยวชาวไทย

**ชาวเขมรยังผวารีบซื้อสินค้าตุน

ขณะที่ตลาดชายแดนช่องจอม ต.ด่าน อ.กาบเชิง ห่างจากด่านผ่านแดนถาวรช่องจอม เข้ามาในเขตไทยประมาณ 3 กิโลเมตร บรรดาพ่อค้าแม่ค้าชาวไทยก็ได้นำสินค้าอุปโภคบริโภคทั้งอาหารสด เนื้อสัตว์ ปลา ผัก ผลไม้ ไข่ไก่ ไข่เป็ด พริก ผัก ชนิดต่างๆ มาวางจำหน่ายกันเป็นจำนวนมาก โดยชาวกัมพูชาต่างเร่งรีบหาชื้อสินค้าเพื่อขนกลับไปขายในฝั่งกัมพูชา แต่บรรยากาศการค้าขายยังไม่คึกคักมากนัก เพราะเป็นช่วงเปิดตลาดใหม่และประชาชน 2 ประเทศ โดยเฉพาะชาวกัมพูชายังคงกังวลกับสถานการณ์การสู้รบอยู่

ทางด้านบ่อนกาสิโนชายแดนฝั่งประเทศกัมพูชา ขนาดใหญ่ทั้ง 2 แห่งฝั่งตรงข้ามด่านผ่านแดนถาวรช่องจอมก็ได้เปิดให้นักท่องเที่ยวนักพนันชาวไทยเข้าไปเล่นการพนันได้อย่างเต็มรูปแบบแล้วเช่นกัน คาดว่าตลอดทั้งวันจะมีนักพนันเข้าไปเล่นพนันในบ่อนกาสิโนเขมรกันอย่างคึกคักเช่นเดิม ซึ่งตามปกติแล้วด่านผ่านแดนถาวรไทย-กัมพูชาช่องจอม-โอร์เสม็ด แห่งนี้ จะเปิดให้ประชาชนเดินทางผ่านแดนเข้า-ออก ตั้งแต่เวลา 07.00-20.00 น.ของทุกวัน

**“ช่องสะงำ”เงียบเขมรไม่กล้ามาซื้อสินค้า

ส่วนที่จุดผ่านแดนถาวรไทย-กัมพูชาช่องสะงำ ต.ไพรพัฒนา อ.ภูสิงห์ จ.ศรีสะเกษ ซึ่งวานนี้เป็นวันที่ 2 เช่นกันของการเปิดด่านช่องสะงำ เพื่อให้นักท่องเที่ยวรวมทั้งพ่อค้าแม่และประชาชนชาวไทย-กัมพูชาไปมาหาสู่ได้ตามปกติ และมีการเปิดตลาดนัดชายแดนไทย-กัมพูชาเป็นครั้งแรกหลังจากที่ต้องปิดด่านช่องสะงำชั่วคราว เนื่องจากเหตุการณ์สู้รบระหว่างทหารไทยกับทหารกัมพูชาที่ชายแดนปราสาทตาควาย ปราสาทตาเมือนธม อ.พนมดงรัก จ.สุรินทร์ตั้งแต่ 22 เม.ย.เป็นต้นมา แต่ปรากฏว่า บรรยากาศค่อนข่างเงียบเหงาเนื่องจากชาวกัมพูชายังมีความหวาดผวาภัยสงครามและยังไม่กล้าที่จะข้ามแดนเข้ามาหาซื้อสินค้าในเขตแดนไทย ทำให้พ่อค้าแม่ค้าชาวไทยต้องนั่งเฝ้าสินค้าของตัวเองอย่างเงียบเหงา

นางนิภารัตน์ ผาธรรม อายุ 36 ปี แม่ค้าขายส่งสินค้าทั่วไปที่ตลาดชายแดนไทยช่องสะงำ กล่าวว่า จากการที่ได้สอบถามบรรดาพ่อค้าแม่ค้าชาวกัมพูชาที่เคยค้าขายกันเป็นประจำทราบว่า ขณะนี้ชาวกัมพูชายังคงไม่กล้าที่จะเข้ามาในเขตแดนไทย เนื่องจากยังมีความหวาดกลัวกับเหตุการณ์สู้รบระหว่างทหารไทยกับทหารกัมพูชาที่บริเวณชายแดนด้านสุรินทร์ เกรงว่าหากเข้ามาในเขตแดนไทยแล้วอาจจะไม่ปลอดภัย

รวมทั้งขณะนี้อัตราการแลกเปลี่ยนเงินไทยกับเงินกัมพูชาค่าเงินไทยสูงกว่าเงินกัมพูชามาก แต่อย่างไรก็ตามคาดไม่นานเหตุการณ์ต่างๆ คงจะเข้าสู่ภาวะปกติหากไม่มีการสู้รบกันระหว่างทหารไทยกับทหารกัมพูชาเกิดขึ้นมาอีก

**"องอาจ"เผยรัฐเร่งสร้างหลุมหลบภัยเพิ่ม

นายองอาจ คล้ามไพบูลย์ รัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี กล่าวว่า ขณะนี้สถานการณ์เริ่มคลี่คลายลง โดยรัฐบาลได้มีการเจรจาในหลายระดับทั้งระดับพื้นที่และส่วนกลาง ซึ่งผลการเจรจาเป็นที่น่าพอใจ ส่วนด้านของการช่วยเหลือเยียวยาราษฎรในพื้นที่ทั้งด้านจังหวัดศรีษะเกษ สุรินทร์นั้น รัฐบาลได้เร่งสร้างบังเกอร์ หลุมหลบภัยเพิ่มให้เพียงพอเพื่อสร้างความปลอดภัยให้กับราษฎรบริเวณดังกล่าว ซึ่งหากเกิดการปะทะกันอีกก็สามารถเป็นที่พักพิงได้

"ยืนยันว่า รัฐบาลไม่ประมาทแม้ไม่เกิดการปะทะ ส่วนการสร้างหลุมหลบภัยนั้นได้เตรียมสร้างใน 3 จังหวัดของจังหวัดศรีสะเกษ สุรินทร์ และจังหวัดอุบลราชธานี ในขณะที่บ้านที่ได้รับความเสียหาย รัฐบาลได้สำรวจและมีการออกไปซ่อมแซมบ้านที่ได้รับความเสียหายแล้ว"

**บุรีรัมย์ของบฉุกเฉินสร้างหลุมหลบภัย182แห่ง

นายธานี สามารถกิจ ผู้ว่าราชการจังหวัดบุรีรัมย์ เปิดเผยว่า หลังเกิดเหตุการณ์ปะทะระหว่างทหารไทยกับฝ่ายกัมพูชา ที่บริเวณชายแดนอ.พนมดงรัก จ.สุรินทร์ และได้มีลูกกระสุนปืนใหญ่ และ ลุกจรวด BM - 21 ตกเข้ามาในพื้นที่หมู่บ้านของอำเภอบ้านกรวดหลายสิบลูก ทำให้ชาวบ้านได้รับบาดเจ็บและบ้านพังเสียหายหลายหลัง จนต้องมีการอพยพชาวบ้านในพื้นที่เสี่ยงภัยตามแนวชายแดน ไปลี้ภัยที่ศูนย์อพยพที่จัดเตรียมไว้รองรับจำนวน 9 ศูนย์ มากกว่า 9,000 คน เป็นเวลานานถึง 11 วัน

ล่าสุดทางจังหวัดบุรีรัมย์ได้ทำเรื่องเสนอไปยังกรมบัญชีกลางและรัฐบาล เพื่อขออนุมัติใช้งบทดลองราชการกรณีฉุกเฉินที่มีสำรองอยู่ 50 ล้านบาท มาดำเนินการก่อสร้างหลุมหลบภัยที่ได้มาตรฐาน ภายในหมู่บ้านเสี่ยงภัยตามแนวชายแดน ในพื้นที่ 2 อำเภอ คือ อ.บ้านกรวด และ อ.ละหานทราย เพราะขณะนี้ในหมู่บ้านมีเพียงหลุมหลบภัยที่ชาวบ้านทำขึ้นเอง ซึ่งไม่มีความแข็งแรงเพียงพอที่จะป้องกันอันตรายจากการสู้รบได้

โดย อ.บ้านกรวด มีเป้าหมายจะดำเนินการก่อสร้าง 162 แห่ง ส่วน อ.ละหานทรายจะก่อสร้าง 20 แห่ง รวมทั้งหมด 182 แห่ง ใช้งบประมาณในการก่อสร้างรวมกว่า 18 ล้านบาท เพื่อสร้างความปลอดภัยและป้องกันอันตรายจากกระสุนปืนใหญ่หรืออาวุธหนักต่างๆ หากเกิดเหตุการณ์ปะทะตามแนวชายแดนไทย-กัมพูชาขึ้นอีก ซึ่งคาดว่าจะได้รับการพิจารณาอนุมัติและเริ่มดำเนินการก่อสร้างได้ในเร็วๆ นี้

“ถึงแม้สถานการณ์การสู้รบด้านชายแดน อ.พนมดงรัก จ.สุรินทร์ จะเริ่มคลี่คลายลงแล้ว แต่ขณะนี้ก็ยังให้ชุดรักษาความปลอดภัยหมู่บ้าน (ชรบ.) และเจ้าหน้าที่อาสารักษาดินแดน (อส.) คอยดูรักษาความปลอดภัย และลาดตระเวนดูความสงบเรียบร้อยในหมู่บ้านเสี่ยงภัยตามแนวชายแดนอยู่อีกสักระยะประมาณ 5-7 วัน หากไม่มีการสู้รบหรือไม่มีเหตุการณ์ความรุนแรงใดเกิดขึ้น ก็จะสั่งให้ถอนกำลังออกจากพื้นที่ดังกล่าวต่อไป”นายธานี กล่าว
กำลังโหลดความคิดเห็น