นครพนม - จังหวัดนครพนมผุดศูนย์รวบรวมและกระจายสินค้าสัตว์น้ำแห่งแรกภาคอีสาน เพิ่มช่องทางการตลาดซื้อขายสัตว์น้ำ-แก้ปัญหาถูกกดราคาจากพ่อค้าคนกลางเผยเป็นการรองรับการเปิดใช้สะพานโขงแห่งใหม่ คาดอนาคตจะมีการซื้อขายสัตว์น้ำไม่ต่ำกว่า 30 ตันต่อวัน เงินสะพัดไม่น้อยกว่า 70 ล้านบาทต่อเดือน
เมื่อเร็วๆ นี้ที่ตลาดชุมชนบ้านท่าค้อ ต.ท่าค้อ อ.เมือง จ.นครพนม ริมถนนทางหลวงหมายเลข 212 สายนครพนม-ธาตุพนม นายศุภชัย โพธิ์สุ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ เป็นประธานในพิธีเปิดศูนย์รวบรวมและกระจายสินค้าสัตว์น้ำ แห่งแรกของภาคตะวันออกเฉียงเหนือ โดยความร่วมมือของ กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ ร่วมกับองค์การสะพานปลา จังหวัดนครพนม และหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เพื่อเป็นศูนย์รวมในการซื้อขาย เป็นแหล่งผลิตกระจายสินค้า
นายวิรัช เถื่อนยืนยงค์ ผู้อำนวยการองค์การสะพานปลา กล่าวถึงการเปิด ศูนย์รวบรวมและกระจายสินค้าสัตว์น้ำแห่งนี้ถือเป็นการเพิ่มช่องทางการตลาดสินค้าสัตว์น้ำทุกประเภท ทั้งน้ำจืดและน้ำเค็ม ไปยังผู้บริโภคให้ได้รับการบริโภคสัตว์น้ำที่สะอาด ปลอดภัย ถูกสุขอนามัย และราคายุติธรรม ซึ่งถือเป็นแห่งแรกของภาคอีสาน สอดคล้องกับการรองรับการเปิดสะพานข้ามแม่น้ำโขงแห่งที่ 3 นครพนม-คำม่วน ที่จะทำให้นครพนมเป็นศูนย์กลางขนส่งสินค้าไปยังพื้นที่ต่างๆ
โดยในอนาคตจะมีการประมาณการซื้อขายวันละไม่ต่ำกว่า 30 ตันต่อวัน ทำให้จะมีเงินสะพัดไม่ต่ำกว่า 70 ล้านบาทต่อเดือน การเปิดศูนย์ฯในครั้งนี้ได้มีการนำสัตว์น้ำจำพวกปลาทะเลสดๆ มาวางขายเป็นตัวอย่าง และปรุงอาหารให้ได้รับชิมฟรี นอกจากนี้ยังได้มีการมอบพันธุ์ปลาให้เกษตรกร ที่มาร่วมงานนำไปล่อยเพาะเลี้ยงขยายพันธุ์ตามแหล่งน้ำต่างๆ ในชุมชนหมู่บ้านกว่า 1 แสนตัว
ด้านนายศุภชัย โพธิ์สุ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ กล่าวว่า จ.นครพนมถือเป็นจังหวัดที่มีความอุดมสมบูรณ์ทางด้านสัตว์น้ำทุกชนิด เนื่องจากมีแหล่งน้ำธรรมชาติที่สำคัญหลายแห่ง อาทิ ลุ่มน้ำสงคราม น้ำก่ำ น้ำอูน และแม่น้ำโขงที่หล่อเลี้ยงมวลมนุษยชาติหลายประเทศ ในสมัยก่อนปลาธรรมชาติมีมากมาย แต่ปัจจุบันประชากรและวิธีการจับปลาพัฒนาขึ้น ทำให้ปริมาณปลาธรรมชาติลดน้อยถอยลง
แม้ที่ผ่านมาทางราชการและเอกชนจะได้ส่งเสริมให้เกษตรกรเลี้ยงในบ่อดินและกระชัง มาอย่างต่อเนื่อง แต่ก็ประสบปัญหาด้านการตลาด และยังขาดการบริหารจัดการที่ดีพอ ตนในฐานะที่รับผิดชอบงานกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ จึงได้ร่วมกับ องค์การสะพานปลา และหน่วยงานเกี่ยวข้อง ผลักดันให้มีโครงการเปิดศูนย์รวบรวมและกระจายสินค้าสัตว์น้ำที่แห่งแรกของภาคตะวันออกเฉียงเหนือ ที่จะเป็นประโยชน์ต่อพี่น้องประชาชนผู้บริโภค
โดยจะนำโรงแช่แข็งโครงการเลี้ยงปลาเผาะส่งออกที่ประสบปัญหาทำโครงการไม่ต่อเนื่อง ในพื้นที่ อบต.ท่าค้อ มาใช้ประโยชน์เป็นที่พักสินค้าสัตว์น้ำ ที่มีการขนส่งมาจากแหล่งประมงทั้งน้ำจืด น้ำเค็ม รวมถึงปลาทะเลต่างๆ มาวางจำหน่ายในตลาดชุมชนของ อบต.ท่าค้อ รวมถึงเป็นศูนย์แลกเปลี่ยนซื้อขายสัตว์น้ำที่ผลิตได้ในจังหวัดและมาจากที่อื่น เป็นการสร้างอาชีพและรายได้ให้เกษตรกรต่อไป และยังเป็นประโยชน์ต่อประชาชนผู้บริโภคได้เป็นอย่างดี
ที่สำคัญเมื่อเปิดศูนย์แห่งนี้จะทำให้พี่น้องชาวอีสาน โดยเฉพาะจังหวัดนครพนม ที่มีระยะทางไกลจากกรุงเทพฯ และภาคตะวันออกที่ติดทะเล ได้บริโภคอาหารทะเลที่สดๆ ใหม่ สะอาด ถูกสุขอนามัย เนื่องจากที่ผ่านมาพี่น้องชาวนครพนม ต้องบริโภคอาหารทะเลที่แช่แข็งเป็นเวลานาน จากพ่อค้าคนกลาง ซึ่งในอนาคตจังหวัดนครพนมจะเป็นศูนย์กลางกระจายสินค้าสัตว์น้ำครบวงจร มีทั้งการรับซื้อ การจำหน่าย การเพิ่มช่องทางการตลาด ที่จะเป็นประโยชน์ทั้งผู้ขาย และผู้บริโภค ทั้งในพื้นที่ จังหวัดใกล้เคียง รวมถึงประเทศเพื่อนบ้าน
ขณะเดียวกันจะช่วยแก้ปัญหาถูกกดราคารับซื้อสัตว์น้ำจากพ่อค้าคนกลาง เมื่อมีการถูกกดราคาทางองค์การสะพานปลาจะมีการรับซื้อในราคาตลาดไว้ทั้งหมด ป้องกันการเก็งกำไร ส่งผลดีต่อผู้ค้า และผู้ซื้อ ได้ราคายุติธรรม ซึ่งในอนาคตได้มีการคาดการณ์ว่า จะมีการซื้อขายวันละไม่ต่ำกว่า 30 ตันต่อวัน ทำให้จะมีเงินสะพัดไม่ต่ำกว่า 70 ล้านบาทต่อเดือน อย่างแน่นอน
เมื่อเร็วๆ นี้ที่ตลาดชุมชนบ้านท่าค้อ ต.ท่าค้อ อ.เมือง จ.นครพนม ริมถนนทางหลวงหมายเลข 212 สายนครพนม-ธาตุพนม นายศุภชัย โพธิ์สุ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ เป็นประธานในพิธีเปิดศูนย์รวบรวมและกระจายสินค้าสัตว์น้ำ แห่งแรกของภาคตะวันออกเฉียงเหนือ โดยความร่วมมือของ กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ ร่วมกับองค์การสะพานปลา จังหวัดนครพนม และหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เพื่อเป็นศูนย์รวมในการซื้อขาย เป็นแหล่งผลิตกระจายสินค้า
นายวิรัช เถื่อนยืนยงค์ ผู้อำนวยการองค์การสะพานปลา กล่าวถึงการเปิด ศูนย์รวบรวมและกระจายสินค้าสัตว์น้ำแห่งนี้ถือเป็นการเพิ่มช่องทางการตลาดสินค้าสัตว์น้ำทุกประเภท ทั้งน้ำจืดและน้ำเค็ม ไปยังผู้บริโภคให้ได้รับการบริโภคสัตว์น้ำที่สะอาด ปลอดภัย ถูกสุขอนามัย และราคายุติธรรม ซึ่งถือเป็นแห่งแรกของภาคอีสาน สอดคล้องกับการรองรับการเปิดสะพานข้ามแม่น้ำโขงแห่งที่ 3 นครพนม-คำม่วน ที่จะทำให้นครพนมเป็นศูนย์กลางขนส่งสินค้าไปยังพื้นที่ต่างๆ
โดยในอนาคตจะมีการประมาณการซื้อขายวันละไม่ต่ำกว่า 30 ตันต่อวัน ทำให้จะมีเงินสะพัดไม่ต่ำกว่า 70 ล้านบาทต่อเดือน การเปิดศูนย์ฯในครั้งนี้ได้มีการนำสัตว์น้ำจำพวกปลาทะเลสดๆ มาวางขายเป็นตัวอย่าง และปรุงอาหารให้ได้รับชิมฟรี นอกจากนี้ยังได้มีการมอบพันธุ์ปลาให้เกษตรกร ที่มาร่วมงานนำไปล่อยเพาะเลี้ยงขยายพันธุ์ตามแหล่งน้ำต่างๆ ในชุมชนหมู่บ้านกว่า 1 แสนตัว
ด้านนายศุภชัย โพธิ์สุ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ กล่าวว่า จ.นครพนมถือเป็นจังหวัดที่มีความอุดมสมบูรณ์ทางด้านสัตว์น้ำทุกชนิด เนื่องจากมีแหล่งน้ำธรรมชาติที่สำคัญหลายแห่ง อาทิ ลุ่มน้ำสงคราม น้ำก่ำ น้ำอูน และแม่น้ำโขงที่หล่อเลี้ยงมวลมนุษยชาติหลายประเทศ ในสมัยก่อนปลาธรรมชาติมีมากมาย แต่ปัจจุบันประชากรและวิธีการจับปลาพัฒนาขึ้น ทำให้ปริมาณปลาธรรมชาติลดน้อยถอยลง
แม้ที่ผ่านมาทางราชการและเอกชนจะได้ส่งเสริมให้เกษตรกรเลี้ยงในบ่อดินและกระชัง มาอย่างต่อเนื่อง แต่ก็ประสบปัญหาด้านการตลาด และยังขาดการบริหารจัดการที่ดีพอ ตนในฐานะที่รับผิดชอบงานกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ จึงได้ร่วมกับ องค์การสะพานปลา และหน่วยงานเกี่ยวข้อง ผลักดันให้มีโครงการเปิดศูนย์รวบรวมและกระจายสินค้าสัตว์น้ำที่แห่งแรกของภาคตะวันออกเฉียงเหนือ ที่จะเป็นประโยชน์ต่อพี่น้องประชาชนผู้บริโภค
โดยจะนำโรงแช่แข็งโครงการเลี้ยงปลาเผาะส่งออกที่ประสบปัญหาทำโครงการไม่ต่อเนื่อง ในพื้นที่ อบต.ท่าค้อ มาใช้ประโยชน์เป็นที่พักสินค้าสัตว์น้ำ ที่มีการขนส่งมาจากแหล่งประมงทั้งน้ำจืด น้ำเค็ม รวมถึงปลาทะเลต่างๆ มาวางจำหน่ายในตลาดชุมชนของ อบต.ท่าค้อ รวมถึงเป็นศูนย์แลกเปลี่ยนซื้อขายสัตว์น้ำที่ผลิตได้ในจังหวัดและมาจากที่อื่น เป็นการสร้างอาชีพและรายได้ให้เกษตรกรต่อไป และยังเป็นประโยชน์ต่อประชาชนผู้บริโภคได้เป็นอย่างดี
ที่สำคัญเมื่อเปิดศูนย์แห่งนี้จะทำให้พี่น้องชาวอีสาน โดยเฉพาะจังหวัดนครพนม ที่มีระยะทางไกลจากกรุงเทพฯ และภาคตะวันออกที่ติดทะเล ได้บริโภคอาหารทะเลที่สดๆ ใหม่ สะอาด ถูกสุขอนามัย เนื่องจากที่ผ่านมาพี่น้องชาวนครพนม ต้องบริโภคอาหารทะเลที่แช่แข็งเป็นเวลานาน จากพ่อค้าคนกลาง ซึ่งในอนาคตจังหวัดนครพนมจะเป็นศูนย์กลางกระจายสินค้าสัตว์น้ำครบวงจร มีทั้งการรับซื้อ การจำหน่าย การเพิ่มช่องทางการตลาด ที่จะเป็นประโยชน์ทั้งผู้ขาย และผู้บริโภค ทั้งในพื้นที่ จังหวัดใกล้เคียง รวมถึงประเทศเพื่อนบ้าน
ขณะเดียวกันจะช่วยแก้ปัญหาถูกกดราคารับซื้อสัตว์น้ำจากพ่อค้าคนกลาง เมื่อมีการถูกกดราคาทางองค์การสะพานปลาจะมีการรับซื้อในราคาตลาดไว้ทั้งหมด ป้องกันการเก็งกำไร ส่งผลดีต่อผู้ค้า และผู้ซื้อ ได้ราคายุติธรรม ซึ่งในอนาคตได้มีการคาดการณ์ว่า จะมีการซื้อขายวันละไม่ต่ำกว่า 30 ตันต่อวัน ทำให้จะมีเงินสะพัดไม่ต่ำกว่า 70 ล้านบาทต่อเดือน อย่างแน่นอน
