สุรินทร์ - เมืองช้างแถลงปิดศูนย์อพยพหนีภัยการสู้รบชายแดนไทย-กัมพูชา ทั้ง 35 แห่ง หลังสถานการณ์คลี่คลาย อนุญาตให้ประชาชนกว่า 4 หมื่นคน กลับเข้าบ้านทั้งหมดแล้ว เผยเฝ้าระวังสถานการณ์เข้มต่อเนื่องอีก 3 วัน หากเกิดการสู้รบรุนแรงเกิดขึ้นอีกพร้อมเคลื่อนย้ายปชช.กลับศูนย์อพยพได้ทันที
วันนี้ (2 พ.ค.) ผู้สื่อข่าวรายงานงานว่า เมื่อเวลา 10.00 น.นายเสริม ไชยณรงค์ ผู้ว่าราชการจังหวัดสุรินทร์ ได้เปิดแถลงปิดศูนย์อพยพผู้ประสบภัยการสู้รบชายแดนไทย-กัมพูชา ด้าน จ.สุรินทร์ อนุญาตให้ประชาชนกลับบ้านทั้งหมด หลังสถานการณ์ชายแดนคลี่คลาย แต่ยังไม่ปิดศูนย์อำนวยการอพยพ เพื่อรอดูสถานการณ์และใช้ในการประสานงานต่อไปอีก 3 วัน
นายเสริม ไชยณรงค์ ผู้ว่าราชการจังหวัดสุรินทร์ แถลงผลการประชุมร่วมกับฝ่ายความมั่นคงและหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ว่า จากการประเมินสถานการณ์การปะทะตามแนวชายแดนไทย - กัมพูชา ขณะนี้ ในพื้นที่ไม่มีการใช้ปืนอาวุธหนักหรือปืนใหญ่ยิงเข้ามาในพื้นที่ฝั่งไทยเป็นวันที่ 4 แล้ว เห็นว่าสถานการณ์เริ่มคลี่คลายลงแล้ว ถึงแม้จะมีการใช้อาวุธเล็กประจำกายอยู่บ้าง แต่ไม่ส่งผลกระทบต่อประชาชนตามหมู่บ้านชายแดนต่างๆ และไม่น่าจะมีการใช้อาวุธหนักตอบโต้กันอีก
ประกอบกับประชาชนได้ออกจากบ้านมาอยู่ศูนย์อพยพเป็นเวลานานรวม 11 วันแล้ว จึงเป็นห่วงทรัพย์สิน และสัตว์เลี้ยง ต้องการเดินทางกลับไป เพื่อไปประกอบอาชีพ และใช้ชีวิตอยู่ตามปกติ วันนี้จึงอนุญาตให้ประชาชนเดินทางกลับบ้านได้ โดยขณะนี้ ได้จัดยานพาหนะทั้งรถยนต์ ของฝ่ายทหาร ตำรวจ สำนักงานขนส่งจังหวัด และรถยนต์ส่วนตัว ในการขนส่งผู้อพยพกลับ บ้านตัวเองตามหมู่บ้านต่างๆ
นายเสริม กล่าวต่อว่า ในส่วน 2 หมู่บ้าน คือ บ้านหนองคันนา ต.ตาเมียง และ บ้านไทยนิยมพัฒนา ต.บักได อ.พนมดงรัก ซึ่งอยู่ใกล้พื้นที่ชายแดนปราสาทตาเมือนธม และปราสาทตาควาย มากที่สุดและเป็นพื้นที่เป้าหมายทางการทหารฝ่ายกัมพูชา เคยมีกระสุนปืนใหญ่ตกอย่างต่อเนื่อง นั้นได้เพิ่มกำลังเจ้าหน้าที่ตำรวจเข้าไปดูแลความปลอดภัยและสร้างความอุ่นใจให้ประชาชนมากขึ้น
อย่างไรก็ตาม ถึงแม้ในวันนี้ (2 พ.ค.) จะปิดศูนย์อพยพทั้ง 35 ศูนย์และจัดส่งประชาชนกลับไปแล้ว แต่จะยังไม่ปิดศูนย์อำนวยการ เพื่อรอดูสถานการณ์และใช้ในการประสานงานต่อไปอีก 3 วัน หากเกิดการปะทะรุนแรงขึ้นมาอีกก็จะทำการเคลื่อนย้ายประชาชนตามแผนการอพยพ ออกมาอยู่ตามจุดอพยพเดิมที่กำหนดไว้ได้ทันที
ผู้สื่อข่าวรายงานเพิ่มเติมว่า ขณะที่ประชาชนตามศูนย์อพยพต่างๆ ของ จ.สุรินทร์ ทั้ง 35 ศูนย์ รวม 41,000 คน หลังได้รับทราบข่าวว่าทางการอนุญาตให้กลับบ้านได้แล้ว ต่างพากันเก็บสิ่งของ สัมภาระ ต่างๆ ที่นำติดตัวมา เพื่อขึ้นรถยนต์ที่หน่วยงานทางราชการ จัดมารับส่ง เดินทางกลับบ้าน โดยเฉพาะชาวบ้านแนงมุก ต.แนงมุด อ.กาบเชิง และชาวบ้านหนองคันนา ต.ตาเมียง อ.พนมดงรัก ซึ่งย้ายมาอยู่ที่โรงเรียนโสตศึกษา ต.เชื้อเพลิง อ.ปราสาท จ.สุรินทร์ ประชาชน ผู้สูงอายุ และ เด็กๆ ต่างพากันเร่งเก็บสิ่งของ หิ้วเข้ากระเป๋าขึ้นรถอีแต็น-อีแต๊ก และรถบัสที่ทางสำนักงานขนส่งจังหวัดสุรินทร์ จัดมารับส่งเดินทางกลับบ้านจำนวน 3 คัน ด้วยบรรยากาศที่คึกคัก และดีใจที่ได้กลับบ้าน พร้อมยังได้รับบริจาคอาหาร น้ำดื่ม ขนม เสื้อผ้า หิ้วกลับบ้านด้วย
ส่วนหน่วยงานราชการต่างๆ ภายในที่ว่าการอำเภอพนมดงรัก และอำเภอกาบเชิง จ.สุรินทร์ เจ้าหน้าที่ได้เดินทางมาทำงานกันเกือบปกติทุกหน่วยงานแล้ว เช่นเดียวกับโรงพยาบาลกาบเชิง ได้เปิดให้การรักษาผู้นอกตามปกติ และคาดว่า ในวันพรุ่งนี้ (3 พ.ค.) จะสามารถเปิดให้บริการประชาชนเต็มรูปแบบหลังจากต้องปิดให้บริการในช่วงการสู้รบระหว่างทหารไทยกับกัมพูชาอย่างรุนแรงที่ผ่านมา สำหรับที่โรงพยาบาลพนมดงรักเฉลิมพระเกียรติ 80 พรรษา อ.พนมดงรัก ก็จะเปิดให้บริการประชาชนเต็มรูปแบบตามปกติในวันพรุ่งนี้ (3 พ.ค.) เช่นกัน
ขณะที่ประชาชนที่ได้เดินทางกลับถึงหมู่บ้านตั้งแต่ช่วงเช้า ได้พากันออกไปหาเก็บเห็ดป่า ทั้งเห็ดระโงก, เห็ดน้ำหมาก, เห็ดรังผึ้ง และผลไม้ป่า มาวางขายริมถนนหลวง สามารถสร้างรายได้ และสร้างรอยยิ้มให้กับประชาชนได้อีกครั้งเป็นอย่างดี