สุรินทร์ - ศูนย์ประชาสัมพันธ์ส่วนหน้า กองทัพภาค 2 แถลงยันปะทะล่าสุดเมื่อคืนเขมรยิงใส่ไทยก่อน หลังปะทะผู้นำทหารในพื้นที่ทั้ง 2 ฝ่ายประสานเจรจาหยุดยิงได้ในเวลาอันสั้น ล่ามีทหารไทยได้รับบาดเจ็บรวม 11นาย ส่วนทหารเขมรมีรายงานตายอื้อ เผยที่ผ่านไทยยิงปืนใหญ่ถล่ม รถ BM-21 เขมร พังยับ 2 คัน
วันนี้ (30 เม.ย.) ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ที่ศูนย์ประชาสัมพันธ์ ศูนย์ปฏิบัติการกองทัพภาคที่ 2 ส่วนหน้า แถลงเหตุการณ์ปะทะกันระหว่างไทยกับทหารกัมพูชา ที่บริเวณชายแดนไทย-กัมพูชา ด้าน จ.สุรินทร์ ล่าสุดว่า เมื่อเวลาประมาณ 19.00 น.คืนที่ผ่านมา (29 เม.ย.) ทหารกัมพูชาได้ใช้อาวุธปืน ปรส.ขนาด 75 มม.หรือ ปืนไร้แรงสะท้อนถอยหลังยิงใส่ฐานทหารไทยที่ปราสาทตาควาย ต.บักได อ.พนมดงรัก จ.สุรินทร์ ทหารไทยจึงทำการยิงตอบโต้ด้วยปืนใหญ่ เพื่อป้องกันฐานที่มั่นทางทหารและรักษาอธิปไตย หลังจากนั้นทหารกัมพูชาใช้ ปืนคอ และปืนใหญ่รวมไปถึงปืนเล็กประจำกายยิงมาใส่ทหารไทยอย่างต่อเนื่อง
จนถึงเวลาประมาณ 20.25 น.ได้มีการหยุดยิง จากการเคลียร์พื้นที่พบทหารไทยได้รับบาดเจ็บ 4 นาย ในจำนวนนั้น คือ ร.ท.โฆษิต ส่องแสงขจร ถูกสะเก็ดระเบิดกลางหลังฝังใน ซึ่งขณะนี้ได้ถูก่งตัวไปรักษาที่ โรงพยาบาลพระมงกุฎเกล้าฯ กรุงเทพฯ แล้วเมื่อเช้าวันนี้ ( 30 เม.ย.) ที่ผ่านมา โดยอาการยังน่าเป็นห่วง ส่วนอีก 3 นาย ถูกส่งตัวเข้ารักษาที่ โรงพยาบาลค่ายวีรวัฒน์โยธิน จังหวัดทหารบกสุรินทร์ และโรงพยาบาลสุรินทร์ อาการพ้นขีดอันตรายแล้ว
จากนั้นเวลาประมาณ 05.00 น. ของเช้าวันนี้ ( 30 เม.ย.) ทหารกัมพูชาทำการสอดแนมบริเวณปราสาทตาควาย ทหารไทยจึงใช้อาวุธปืนเล็กยิงผลักดัน แต่ทหารกัมพูชากลับยิงตอบโต้ด้วยจรวดอาพีจี ระเบิดขว้างและปืนเล็ก มาจนถึงเวลา ประมาณ 06.00 น.เสียงปืนจึงสงบลง และพบว่าทหารไทยได้รับบาดเจ็บเพิ่มอีก 6 ราย รวมตลอดคืนที่ผ่านมามีทหารไทยได้รับบาดเจ็บรวม 10 นาย
ส่วนฝ่ายทหารกัมพูชาพบว่าเสียชีวิตจำนวนมาก และไม่พบว่ากัมพูชาใช้กระสุนปืนใหญ่ หรือ จรวด BM 21 ยิงเข้ามาแต่อย่างใด เนื่องจากแหล่งข่าวทางทหารยืนยันว่า รถยิงจรวด BM- 21 ของกัมพูชาถูกทำลายไปแล้ว 2 คัน หลังจากกัมพูชายิงเข้ามาในพื้นที่หมู่บ้านของชาวไทยเมื่อ 2 วันก่อนทำให้พลเรือนบาดเจ็บและเสียชีวิต 1 ราย ทหารไทยจึงได้ยิงตอบโต้และสามารถทำลายรถยิง BM -21 ของกัมพูชา พังเสียหาย 2 คัน ซึ่งทหารไทยสามารถทำลายรถยิง BM -21 ของกัมพูชาได้หลังจากกัมพูชายิงเข้ามาในหมู่บ้านไทยเพียง 5 วินาทีเท่านั้น ซึ่งถือว่าการยิงทำลายเป้าหมายของทหารไทยมีประสิทธิภาพอย่างมาก อย่างไรก็ตามคาดว่าทหารกัมพูชากำลังระดมอาวุธใหม่เข้ามาแทนที่ๆถูกทำลายไป
ขณะที่ พล.ท.ธวัชชัย สมุทรสาคร แม่ทัพภาคที่ 2 ได้ให้นโยบายว่า การตอบโต้ของทหารไทยยังคงมีการยิงตอบโต้อยู่ เพราะทหารกัมพูชามีการใช้อาวุธกับทหารไทยก่อน อย่างไรก็ตามหากมีการปะทะกันให้ผู้นำทหารกัมพูชาในพื้นที่พูดคุยกับกำลังพลกัมพูชา ตามที่ได้คุยกันไว้ว่า จะมีการหารือกันหากมีการปะทะกันอย่างเร่งด่วน ซึ่งในคืนที่ผ่านมาได้มีการหารือกันเมื่อมีการปะทะดังกันจึง ทำให้สถานการณ์ไม่บานปลาย เหมือนที่ผ่านมา คือมีการหยุดยิงในระยะเวลาไม่นาน โดยขณะนี้ไทยอยู่ระหว่างการปรึกษาหารือ กันระหว่างผู้บัญชาการท้องถิ่นของทหารทั้ง 2 ฝ่าย คาดว่าสถานการณ์จะคลี่คลายลงไปด้วยดี
ส่วนชุดเก็บกู้และทำลายวัตถุระเบิด กองทัพภาคที่ 2 ได้ทำการเก็บกู้ลูกระเบิดที่มาตกในพื้นที่บ้านเรือนและหมู่บ้านประชาชนไทยแล้วกว่า 70 % ในจำนวนที่คาดว่าทหารกัมพูชายิงมาตกกว่า 100 ลูก
ศูนย์ประชาสัมพันธ์ศูนย์ปฏิบัติการกองทัพภาคที่ 2 ส่วนหน้า ยืนยันว่าสถานการณ์โดยรวม ของเมื่อวันที่ 29 เม.ย.54 จนถึงเช้าวันนี้ (30 เม.ย.) ในภาพรวมแล้ว ดีขึ้นกว่าเมื่อช่วงก่อนหน้านี้ 2-3 วัน ถึงแม้จะยังมีการยิงปะทะกันเกิดขึ้นบ้างก็ตาม
ส่วนรายชื่อทหารที่บาดเจ็บ 1 1 คน ล่าสุด ประกอบด้วย 1.ร.ท.โฆษิต ส่องแสงขจร สังกัด ร.8 พัน 2 อาการสาหัสถูกสะเก็ดระเบิดที่กลางหลัง อาการสาหัส ถูกส่งตัวรักษาที่ รพ.พระมงกุฏเกล้าฯแล้ว , 2. ร.ท.วีระ ชัยชวาลย์ สังกัด ร.8 พัน.1 , 3. พลทหาร กฤษดา พรหมจักร ร.8 พัน 1 , 4. พลทหารดำรง บัวขาว สังกัด ร.13 พัน 2 ซึ่ง 3 คนหลังได้ รับบาดเจ็บถูกสะเก็ดระเบิดตามร่างกาย , 5. จ.ส.ต.บุญเทียน ศรีจันทร์ สะเก็ดขาซ้าย , 6. พลทหารไกรสร อินทร์เฉื่อย , 7. พลทหาร สราวุฒิ จู้จำรูญ , 8. ส.อ.พงศธร บางแก้ว , 9. พลทหารวันชัย บัณฑิต ,10.พลทหารสุเมธ ปานทอง
และเมื่อเวลา 13.30 น. วันนี้ ( 30 เม.ย.) มีทหารได้รับบาดเจ็บจากจุดปะทะ ที่ปราสาทตาควาย อีก 1 นาย คือ พลทหาร ศราวุธ โพธิ์ศรี สังกัด ร. 1พัน 3 ถูกสะเก็ดระเบิด ตามลำตัว รวมทหารที่ได้รับบาดเจ็บในวันนี้ ( 30 เม.ย.) 11 นาย และจากเหตุการณ์ปะทะกันรวม 9 วัน ( 22-30 เม.ย.) ทหารได้รับบาดเจ็บจำนวน 96 นาย เสียชีวิต 7 นาย พลเรือนเสียชีวิต 1 ราย เจ็บ 2 ราย
ในส่วนยอดประชาชนผู้อพยพหนีภัยการสู้รบชายแดนไทย-กัมพูชา จ.สุรินททร์ ล่าสุด จำนวนรวม 52,438 คน จำนวนศูนย์อพยพ 42 แห่ง ใน 2 จังหวัด คือ สุรินทร์ และ บุรีรัมย์ ศูนย์อพยพที่มีประชาชนมากที่สุด คือ ศูนย์อพยพโรงเรียนบ้านโนนเจริญพิทยาคม อ.บ้านกรวด จ.บุรีรัมย์ จำนวน 4,558 คน และ ศูนย์อพยพที่มีคนน้อยที่สุด คือ ศูนย์วัดบ้านโนนสว่าง ต.ตาตุม อ.สังขะ จ.สุรินทร์