ศูนย์ข่าวศรีราชา - ผู้บริหารสวนเสือศรีราชา ประกาศพร้อมเปิดตลาดนักท่องเที่ยวต่างชาติด้วยตัวเอง หลังสบช่องวิกฤตอากาศที่เลวร้ายและภัยพิบัติที่เกิดขึ้นในประเทศแถบยุโรป อเมริกาและญี่ปุ่นทำนักท่องเที่ยวเปลี่ยนแผนเดินทางเข้าไทย เผย 4 เดือนแรก ตัวเลขนักท่องเที่ยวในสวนเสือฯเติบโตจากปีก่อนไม่น้อยกว่า 30% ขณะที่ช่วงสงกรานต์เติบโตจากปีก่อนถึง 75% เตรียมทุ่มงบอีก 20 ล้านปรับสภาพภูมิทัศน์โดยรอบ และพัฒนาพื้นที่ศูนย์แคมปิ้งที่มีถึง 50 ไร่ ให้มีศักยภาพเพียงพอในการรองรับการเข้าค่ายของกลุ่มลูกเสือ-เนตรนารีที่ขยายตัวต่อเนื่อง
นายไมตรี เต็มศิริพงศ์ ประธานกรรมการบริหาร บริษัท สวนเสือศรีราชา จำกัด ผู้บริหารสวนเสือศรีราชา จังหวัดชลบุรี เผยถึงการเติบโตทางการท่องเที่ยวของไทยที่เป็นอยู่ในขณะนี้ว่าส่วนหนึ่งเกิดจากสภาพอากาศที่เลวร้ายในประเทศแถบยุโรปและอเมริกา ที่มีระยะเวลายาวนานผิดปกติ ทำให้ประชาชนที่มีกำลังซื้อหนีอากาศหนาวเดินทางมายังประเทศแถบเอเชีย โดยบางส่วนที่เลือกเดินทางท่องเที่ยวในประเทศญี่ปุ่นก็เปลี่ยนโปรแกรมเดินทางเข้ามาในไทย เพราะเกรงผลกระทบจากวิกฤตนิวเคลียร์ หลังเกิดสึนามิในช่วงต้นเดือนมีนาคมที่ผ่านมา
โดยอานิสงส์จากวิกฤตดังกล่าวทำให้ขณะนี้การท่องเที่ยวของไทยโดยเฉพาะกลุ่มจังหวัดภาคตะวันออกเติบโตขึ้น เนื่องจากแหล่งท่องเที่ยวหลายแห่งในพื้นที่ภาคใต้ก็ได้รับผลกระทบจากปัญหาน้ำท่วมในช่วงที่ผ่านมา ขณะที่กลุ่มนักท่องเที่ยวจากประเทศอินเดีย ก็ถือเป็นกลุ่มที่กำลังเติบโตมากในประเทศไทย
ทั้งนี้ในช่วง 4 เดือนแรกของปีพบว่าตัวเลขนักท่องเที่ยวทั้งชาวไทยและต่างชาติที่เดินทางเข้ามาในสวนเสือศรีราชามียอดสูงขึ้นกว่า 30% ทำลายสถิตินักท่องเที่ยวที่เดินทางเข้ามายังสวนเสือศรีราชาในรอบ 12 ปี โดยเฉพาะในช่วงสงกรานต์ที่ตัวเลขนักท่องเที่ยวทั้งชาวไทยและต่างชาติเติบโตมากกว่าปีก่อนถึง 75%
“สิ่งที่เกิดขึ้นทำให้เราต้องคิดหาวิธีที่สร้างจุดขายใหม่ เพราะเชื่อว่าการท่องเที่ยวของไทยโดยเฉพาะเมืองพัทยาจะไม่มีวันตายและเมื่อพัทยาดีขึ้นเราก็จะดีตามไปด้วย ซึ่งในปี 2553 เราทุ่มงบประมาณถึง 30 ล้านบาทในการบูรณะพื้นที่ต่างๆ โดยรวม และในปีนี้เราจะลงทุนอีก 20 ล้านบาท เพื่อพัฒนาพื้นที่ที่เหลือ รวมทั้งจัดสร้างจุดว่ายน้ำระหว่างคนกับเสือ และจุดว่ายน้ำระหว่างคนกับจระเข้ เพื่อเปิดโอกาสให้นักท่องเที่ยวต่างชาติได้มีส่วนร่วมในกิจกรรมที่มี หลังปีที่แล้วเราเปิดจุดยิงให้อาหารเสือซึ่งได้รับความสนใจเป็นอย่างมาก นอกจากนั้นยังจะบูรณะสวนเด็กเพื่อรองรับตลาดคนไทย”
นายไมตรี ยังเผยอีกว่าจากการพัฒนาส่วนต่างๆ ภายในสวนเสือศรีราชาในช่วง 1-2 ปีที่ผ่านมา ทำให้ในวันนี้สวนเสือฯ มีความพร้อมที่จะเปิดตลาดนักท่องเที่ยวในต่างประเทศด้วยตนเอง ซึ่งในเดือนกรกฏาคมและสิงหาคมนี้ ตนและทีมการตลาด จะเดินทางไปยังประเทศจีนและเกาหลี เพื่อเปิดตลาดนักท่องเที่ยวกลุ่มใหม่ ส่วนกิจกรรมส่งเสริมการตลาดในไทย มีแผนที่จะพัฒนาพื้นที่จำนวน 50 ไร่ในศูนย์แคมปิ้ง ให้เป็นจุดที่มีความพร้อมมากกว่าที่เป็นอยู่ เพื่อรองรับกลุ่มลูกเสือ-เนตรนารีจากโรงเรียนต่างๆ ที่เข้ามาใช้พื้นที่ภายในสวนเสือฯจัดกิจกรรมเข้าค่ายมากขึ้น
“ปีนี้เราจะทำตลาดเชิงรุกในส่วนแคมปิ้ง เพราะเรามีความพร้อมทั้งเรื่องระบบนิเวศ ที่สามารถให้เด็กๆ เดินป่าได้ รวมทั้งยังมีจุดให้ข้อมูลเกี่ยวกับการเพาะพันธุ์เสือและจระเข้ ซึ่งจะทำให้เด็กๆที่มาเข้าค่ายมีความรู้มากขึ้น ส่วนพื้นที่กางเต็นท์ก็สามารถรองรับผู้เข้าพักได้ถึง 400 คนต่อวัน นอกจากนั้นในอีก 2 ปีข้างหน้า เราจะทำบังกะโล เพื่อให้นักท่องเที่ยวที่ชื่นชอบการท่องเที่ยวเชิงนิเวศได้เข้ามาสัมผัสธรรมชาติที่แท้จริง โดยจะจัดทำในเนื้อที่ด้านหลังจำนวน 5 ไร่ แลจะมีบังกะโลจำนวน 80 ยูนิต”
นายไมตรี ยังกล่าวถึงสถานการณ์การท่องเที่ยวของประเทศไทย หลังมีการเลือกตั้งว่าจะไม่แตกต่างจากช่วงที่เป็นอยู่ เพราะนักท่องเที่ยวเริ่มชินกับภาวะทางการเมืองของไทย เห็นได้จากหลังเหตุการณ์เผาบ้าน เผาเมืองในช่วงกลางปีก่อน ตัวเลขนักท่องเที่ยวที่เดินทางเข้ามาในไทยก็ดีขึ้นอย่างต่อเนื่องจนถึงปัจจุบัน โดยเชื่อว่าหลังจากนี้ไปการท่องเที่ยวของไทยจะโตแบบไม่หยุดยั้ง
