xs
xsm
sm
md
lg

เจอตัวแล้ว ร.อ.ค่าย ป.พัน 7 คนนำขบวนรุมยำหนุ่มวิศวะริมถนนที่เชียงใหม่

เผยแพร่:   โดย: MGR Online

ร้อยเอกจักรพงศ์ โกศายานนท์ นายทหารสังกัดกองพันทหารปืนใหญ่ที่ 7 ค่ายพระปิ่นเกล้า กองทัพภาคที่ 3 ผู้ต้องหาคดีทำร้ายร่างกายนายภาณุพงศ์ ช่ำชองกิจ
ศูนย์ข่าวเชียงใหม่ - เจอตัวแล้วร้อยเอกจากค่าย ป.พัน 7 คน นำขบวนรุมยำหนุ่มวิศวะอ่วมริมถนนที่เชียงใหม่ อึ้ง! คนร่วมขบวนเป็น “พ่อ-พี่-น้อง” เผยสาเหตุขับรถเฉี่ยวกันจนมีปากเสียง-ลงไม้ลงมือ ก่อนบานปลายโทรตามที่บ้านมาช่วยยำหนุ่มวิศวะ ด้าน รอ.เครียดจัดหลังเข้ามอบตัว หลังพูดจาวกวนให้สัมภาษณ์สื่อมวลชนเสร็จชิ่งกลับทันทีไม่ยอมพิมพ์ลายนิ้วมือ ตำรวจให้เวลาถึงเที่ยงพรุ่งนี้ไม่มาออกหมายจับพร้อมพวกแน่

จากกรณีที่ชายฉกรรจ์กลุ่มหนึ่งยกพวกรุมทำร้ายนายภาณุพงศ์ ช่ำชองกิจ อายุ 23 ปี วิศวกรบริษัทเอกชนแห่งหนึ่งบริเวณ ถ.อัษฎาธร จ.เชียงใหม่ เมื่อช่วงเย็นของวันที่ 20 เม.ย.ที่ผ่านมา เป็นเหตุให้นายภาณุพงศ์ได้รับบาดเจ็บสาหัส ขณะที่เหตุการณ์ดังกล่าวมีสื่อมวลชนสามารถบันทึกภาพไว้ได้และปรากฏเป็นข่าวครึกโครมนั้น

ความคืบหน้าของคดีดังกล่าว ในวันนี้ (22 เม.ย. 2554) เจ้าหน้าที่ตำรวจได้ทำการสืบสวนจากหมายเลขทะเบียน บบ 5821 เชียงใหม่ ของรถกระบะซึ่งปรากฏในคลิปที่ถูกบันทึกไว้ จนทราบว่ามีร้อยเอกจักรพงศ์ โกศายานนท์ นายทหารสังกัดกองพันทหารปืนใหญ่ที่ 7 ค่ายพระปิ่นเกล้า กองทัพภาคที่ 3 เป็นผู้ขับขี่ ซึ่งต่อมารอ.จักรพงศ์ พร้อมด้วยนายทหารพระธรรมนูญได้เข้ามอบตัวกับเจ้าหน้าที่ตำรวจที่สถานีตำรวจภูธรช้างเผือกแล้วในช่วงบ่ายวันนี้ ขณะที่ผู้ร่วมก่อเหตุรายอื่นๆ ยังไม่ได้เข้ามอบตัวกับเจ้าหน้าที่ตำรวจแต่อย่างใด

หลังจากเข้ามอบตัวและให้ปากคำกับเจ้าหน้าที่ตำรวจนานกว่าสองชั่วโมง รอ.จักรพงศ์ได้ออกจากห้องของ พ.ต.อ.มณฑล ปัญญายงค์ ผู้กำกับการสถานีตำรวจภูธรสะเมิง รักษาราชการแทนผู้กำกับการสถานีตำรวจภูธรช้างเผือก พร้อมกับให้สัมภาษณ์กับสื่อมวลชนจำนวนมากที่มารอทำข่าวด้วยสีหน้าเคร่งเครียดและมีรอยฟกช้ำบริเวณใต้ดวงตาข้างซ้ายว่า ตนเองก็ถูกทำร้ายร่างกายเช่นกัน โดยถูกกลุ่มชายฉกรรจ์จำนวนกว่าสิบคนรุมทำร้ายระหว่างที่เดินทางจะไปชมภาพยนตร์เรื่องตำนานสมเด็จพระนเรศวรมหาราช แต่เหตุการณ์ดังกล่าวไม่มีการบันทึกภาพไว้ ขณะที่เหตุทำร้ายร่างกายครั้งนี้กลับมีการบันทึกคลิปวิดีโอเอาไว้ และเมื่อตนเองจะมาแจ้งความเหตุที่ตนถูกทำร้าย เจ้าหน้าที่ตำรวจกลับไม่สนใจ และสอบถามแต่เรื่องเหตุทำร้ายร่างกายที่มีคลิปบันทึกไว้เท่านั้น

อย่างไรก็ตาม เมื่อสื่อมวลชนสอบถามว่ารู้จักกับผู้ได้รับบาดเจ็บมาก่อนหรือไม่ รอ.จักรพงศ์ตอบว่าไม่รู้จักกันมาก่อน และเมื่อถูกถามว่าเหตุที่ถูกทำร้ายร่างกายเกิดขึ้นเมื่อใด และมีความเกี่ยวข้องกับผู้ได้รับบาดเจ็บหรือไม่ รอ.จักรพงศ์กลับบอกเพียงว่ารู้สึกเครียดมาก ก่อนจะเดินออกจากสถานีตำรวจโดยไม่ยอมพิมพ์ลายนิ้วมือเพื่อรับทราบข้อกล่าวหาแต่อย่างใด โดยหลังเดินออกจากสถานีตำรวจภูธรช้างเผือก รอ.จักรพงศ์ได้ตรงไปขึ้นรถกระบะยี่ห้ออีซูซุ สีขาว ไม่ทราบเลขทะเบียน มีทหารนายหนึ่งเป็นผู้ขับ ซึ่งจอดอยู่ใกล้กับสถานีตำรวจ ก่อนจะเดินทางกลับทันที

พ.ต.อ.มณฑล ปัญญายงค์ ผู้กำกับการสถานีตำรวจภูธรสะเมิง รักษาราชการแทนผู้กำกับการสถานีตำรวจภูธรช้างเผือกกล่าวถึงคดีดังกล่าวว่า รอ.จักรพงศ์ได้ติดต่อขอเข้ามอบตัวและให้ปากคำกับเจ้าหน้าที่ตำรวจ โดยในเบื้องต้นรอ.จักรพงศ์ได้ให้การปฏิเสธและขอไปให้การในชั้นศาล อย่างไรก็ตามตำรวจมีความมั่นใจในพยานหลักฐานซึ่งชี้ชัดว่าเป็นคดีอุกฉกรรจ์ ส่วนกรณีที่ผู้ต้องหาเป็นทหารนั้นทางเจ้าหน้าที่ตำรวจไม่หนักใจแต่อย่างใด เพราะการดำเนินการต่างๆ เป็นไปตามกฎหมาย อีกทั้งคดีดังกล่าวผู้ต้องหาต้องขึ้นศาลพลเรือนอยู่แล้ว ขณะที่ผู้ต้องหารายอื่นๆ นั้น หากไม่เข้ามามอบตัว เจ้าหน้าที่จะทำการออกหมายเรียกตัวและออกหมายจับต่อไป

รายงานข่าวแจ้งว่า ผู้ต้องหาอีก 3 รายที่ร่วมกันก่อเหตุทำร้ายร่างกายในภาณุพงศ์นั้นเป็นคนในครอบครัวเดียวกับรอ.จักพงศ์ ได้แก่นายวัชรพงศ์ โกศายานนท์ อายุ 53 ปี บิดาของ รอ.จักรพงศ์ นายธณัฎฐ์ โกศายานนท์ อายุ 30 ปี พี่ชาย ซึ่งเป็นนายแพทย์ของโรงพยาบาลเอกชนแห่งหนึ่งในจังหวัดเชียงใหม่ และนายธงชัย โกศายานนท์ อายุ 22 ปี น้องชาย

ส่วนสาเหตุของการลงมือทำร้ายร่างกายกันในครั้งนี้นั้น รายงานข่าวแจ้งว่ารอ.จักรพงศ์และนายภาณุพงศ์ได้ขับขี่รถเฉี่ยวชนกันบริเวณหน้าสำนักงานประปาส่วนภูมิภาคจังหวัดเชียงใหม่ ทำให้เกิดมีปากเสียงกันขึ้น ก่อนที่ทั้งสองฝ่ายจะหยุดรถและมาโต้เถียงกันต่อบริเวณจุดเกิดเหตุ และเริ่มมีการทะเลาะวิวาทกัน หลังจากนั้นนายภาณุพงศ์ได้โทรศัพท์ติดต่อเจ้าหน้าที่ตำรวจเพื่อให้เข้ามาระงับเหตุ ส่วนรอ.จักรพงศ์ได้ติดต่อคนในครอบครัวให้ตามมาช่วยเหลือ จนเป็นเหตุให้เกิดการรุมทำร้ายเกิดขึ้นดังกล่าว

สำหรับอาการบาดเจ็บของนายภาณุพงศ์ซึ่งยังคงพักรักษาตัวอยู่ที่โรงพยาบาลมหาราชนครเชียงใหม่นั้น นายจำรัส ช่ำชองกิจ บิดาของนายนายภาณุพงศ์เปิดเผยว่า อาการบาดเจ็บของบุตรชายในตอนนี้ถือว่าดีขึ้น แต่ยังต้องรอดูอาการในส่วนของเลือดที่คั่งในสมอง ขณะที่ในช่วงเช้าที่ผ่านมา คู่กรณีพร้อมด้วยผู้บังคับบัญชาได้เดินทางมาเยี่ยม โดยคู่กรณีได้ยกมือไหว้ขอโทษบุตรชาย พร้อมทั้งกล่าวว่าเหตุที่ลงมือทำร้ายร่างกายนายภาณุพงศ์นั้นเกิดจากอารมณ์ชั่ววูบ ขอยอมรับผิดและยินดีจะชดใช้ค่าเสียหายในทุกกรณี ซึ่งทางครอบครัวของตนได้ตอบกลับไปว่าขอให้เรื่องดังกล่าวเป็นไปตามขั้นตอนของกฎหมาย

ล่าสุดภายหลังจากที่ รอ.จักรพงศ์ ได้เดินทางกลับโดยไม่ยอมพิมพ์ลายนิ้วมือเพื่อรับทราบข้อกล่าวหา เจ้าหน้าที่ตำรวจได้ทำการประสานงานกับหน่วยงานต้นสังกัด เพื่อให้ รอ.จักรพงศ์เดินทางมาพิมพ์ลายนิ้วมือให้เรียบร้อย ทั้งนี้หากไม่มาดำเนินการให้แล้วเสร็จก่อนเที่ยงของวันพรุ่งนี้ (23 เม.ย.54) เจ้าหน้าที่ตำรวจจะทำการออกหมายจับพร้อมกับผู้ต้องหารายอื่นๆ ที่ร่วมก่อเหตุต่อไป



กำลังโหลดความคิดเห็น