กาฬสินธุ์ - พบปัญหาอาหารพื้นบ้านอีสาน ส้มตำ ไก่ย่าง แผงลอยขายข้างถนน จ่อปรับราคาสูงเทียบเท่าราคาอาหารติดแอร์ บางร้านแอบขายส้มตำถึงครกละ 35 บาท ขณะที่ราคาไก่ย่างปรับราคาถึงไม้ละ 35 บาท ชาวบ้านชี้เป็นผลพวงจากความล้มเหลวในการบริหารงานของรัฐบาล “อภิสิทธิ์”
จากการติดตามปัญหาราคาสินค้าอุปโภค บริโภค ซึ่งปัจจุบันมีการปรับราคาสูงขึ้นหลายชนิด โดยที่จังหวัดกาฬสินธุ์ พบว่าอาหารพื้นบ้านอีสานเกือบทุกชนิดมีการปรับราคาเพิ่มขึ้นด้วยเช่นกัน ทั้งนี้เนื่องจากอาหารอีสานส่วนใหญ่จะต้องใช้ผัก เนื้อวัว เนื้อหมูและไก่ เป็นส่วนประกอบ ซึ่งในเขตเทศบาลเมืองกาฬสินธุ์ พบว่าร้านส้มตำแผงลอย
บางแห่งมีการปรับราคาส้มตำสูงถึงครกละ 25-35 บาท ซึ่งเทียบเท่ากับอาหารจานด่วนติดแอร์ ส่งผลให้การค้าภายในจังหวัดกาฬสินธุ์ต้องเข้าขอความร่วมมือกับผู้ประกอบการในการปรับราคา เพื่อไม่กระทบต่อประชาชน
โดยเมื่อวันที่ 20 เมษายน 2554 นายศิริพงษ์ วิวัฒน์เกษมชัย การค้าภายในจังหวัดกาฬสินธุ์ พร้อมเจ้าหน้าที่ได้เข้าตรวจสอบปัญหาราคาส้มตำราคาแพงภายในเขตเทศบาลเมืองกาฬสินธุ์ ซึ่งจากการตรวจสอบยอมรับว่าราคาสินค้าที่ปรับตัวเกิดขึ้นเป็นเพียงบางร้านค้าเท่านั้น
แต่ในภาพรวมยังมีการจำหน่ายอยู่ที่ครกละ 20 บาทและราคาถูกแพงขึ้นอยู่ตามแต่ลูกค้าสั่ง แต่ราคา ไก่ย่าง หมูย่าง เนื้อย่าง แค๊บหมู ไข่ต้ม ที่ประชาชนนิยมรับประทานกับส้มตำที่ขายเป็นไม้มีการปรับราคาถึงไม้ละ 5- 10 บาท ซึ่งก็เป็นไปตามกลไกของตลาด แต่ก็ขอให้พ่อค้าแม่ค้าปิดป้ายแสดงราคาเพื่อเป็นทางเลือกให้กับประชาชนและให้จำหน่ายในราคายุติธรรม
ด้านนางละไม จุทางกูล เจ้าของร้านส้มตำนกเป้า เขตเทศบาลเมืองกาฬสินธุ์ กล่าวว่า ปัญหาการขึ้นราคาส้มตำเกิดจากราคาต้นทุนเพิ่มขึ้น เพราะส่วนประกอบของส้มตำจะมี มะนาวปัจจุบันก็ลูกละ 5 บาท พริกทุกวันนี้ก็ตกเม็ดละ 1 บาท มะละกอ ดิบตกกิโลกรัมละ 15 บาท รวมทั้งส่วนประกอบที่ใช้ตำส้มตำต่างๆปรับขึ้นราคาเกือบเท่าตัว จึงไม่แปลกที่แม่ค้าส้มตำอื่นๆจะต้องขึ้นราคาเพราะในจำนวนนี้ยังไม่รวมปลาร้าที่เป็นส่วนผสมหลักในการปรุง
แต่ในส่วนร้านของตนยังไม่ขึ้นราคาเพราะยังคงแบกรับภาระได้อยู่ อีกทั้งจะเน้นปริมาณการขาย แต่ทั้งนี้จะขึ้นราคาเพียง ไก่ย่าง หมูย่าง เนื้อย่างเท่านั้น เนื่องจากซื้อมาแพง แต่หากราคาสินค้ายังแพงมากขึ้นอนาคตก็จำเป็นอาจจะต้องมีการปรับราคาส้มตำเช่นกัน
ขณะที่ประชาชนทั่วไป ยอมรับว่า ปัญหาหลักเกิดขึ้นจากปัญหาภัยธรรมชาติที่ทำให้พืชผักรวมถึงแหล่งอาหารขาดแคลนเพราะได้รับความเสียหาย แต่อีกด้านเชื่อว่าเกิดจากการบริหารงานที่ล้มเหลวของรัฐบาล “อภิสิทธิ์” ที่อิงการเมืองมากกว่าการบริหารจัดการในเรื่องปากท้องให้กับประชาชนทั้งที่ประเทศไทยมีความอุดมสมบูรณ์ มีทรัพยากรธรรมชาติมากมายยังปล่อยให้กลุ่มทุนเข้าไปครอบงำและกำหนดราคาต้นทุนอาหารอย่างไม่เป็นธรรม
