กาญจนบุรี - ชาวซองกาเรีย อำเภอสังขละบุรี กาญจนบุรี กว่า 500 คน รวมตัวเดินขบวนขับไล่นายทุนฮุบที่ดิน เพื่อจัดสรรแบ่งล็อกขาย ด้านนายอำเภอหลังพาเจ้าหน้าที่เข้าตรวจสอบความถูกต้องกลับโดนกลุ่มนายทุนฟ้องศาลรายตัว
เมื่อเวลา 10.00 น.วันนี้ (11 เม.ย.) ที่บริเวณที่ว่าการอำเภอสังขละบุรี จ.กาญจนบุรี นายสนั่น กำสุข ผู้ใหญ่บ้านหมู่ 8 ต.หนองลู อ.สังขละบุรี จ.กาญจนบุรี แกนนำได้นำชาวบ้านกว่า 500 คน เดินทางไปพบ นายจำรัส กังน้อย นายอำเภอสังขละบุรี เพื่อขอความเป็นธรรมให้ตรวจสอบที่ดิน 33 ไร่ บริเวณริมถนน สาย 323 ระหว่างหลักกิโลเมตรที่ 6-7 อยู่ในเขตพื้นที่อุทยานแห่งชาติเขาช้างเผือก หลังจากมีกลุ่มนายทุนเตรียมปรับพื้นที่ เพื่อแบ่งล็อกขาย โดยอ้างว่า ได้รับอนุญาตจาก ส.ป.ก.ให้เข้าทำประโยชน์ในพื้นที่ดังกล่าว ครั้งนี้ นายจำรัส ได้เรียกหน่วยงานที่เกี่ยวข้องทั้งหมด พร้อมชาวบ้านลงไปตรวจสอบพื้นที่พบว่าเป็นเขตทางหลวง
นายสนั่น เปิดเผยว่า หมู่บ้านซองกาเรียมีทั้งหมดกว่า 100 ครัวเรือน ทุกคนต่างรู้สึกตกใจกับการปิดประกาศของสำนักงานปฏิรูปที่ดิจังหวัดกาญจนบุรี (ส.ป.ก.) เกี่ยวกับรายชื่อผู้เป็นเกษตรกรที่ยื่นขอเข้าทำประโยชน์ในพื้นที่เขตปฏิรูปที่ดินบริเวณ หมู่ 8 ต.หนองลู อ.สังขละบุรี จ.กาญจนบุรี คือ นายชวลิต รุ่งอรุณกาญจน์ อยู่บ้านเลขที่ 57/2 หมู่ 8 ต.หนองลู อ.สังขละบุรี แปลงที่ 1 ระวางที่ 4639//3882 เนื้อที่ 8 ไร่ 89 วา และนางสุภาพร จันทรวัฒน์ อยู่บ้านเลขที่ 27/2 หมู่ 8 ต.หนองลู แปลงที่ 2 ระวางที่ 4639//4082 เนื้อที่ 33 ไร่ 3 งาน 91 วา
เรื่องดังกล่าวเป็นจุดเริ่มต้นของปัญหาต่างๆ มากมายตามมาในหมู่บ้านของเรา เนื่องจากบุคคลทั้ง 2 รายเพิ่งย้ายเข้ามาอยู่หมู่บ้านของเราไม่ 1 ปี คือ ย้ายเข้ามาเมื่อวันที่ 5 มิ.ย.2553 จากนั้นประมาณ 20 วัน นางสุภาพร จันทรวัฒน์ ซึ่งเป็นภรรยาของผู้ใหญ่คนหนึ่งใน จ.กาญจนบุรี ได้ทำการยื่นขอเข้าทำประโยชน์ในพื้นที่เขตปฏิรูปที่ดินโดยได้ทำการรังวัดและลงบันทึกการรังวัดไว้เรียบร้อยภายในระยะเวลาไม่นาน โดยที่คนในหมู่บ้านทั้งหมดไม่เคยมีใครรับรูมาก่อนและไม่มีการแจ้งให้หน่วยงานในพื้นที่ทราบ
ที่สำคัญ บุคคลดังกล่าวคนในหมู่บ้านไม่เคยมีใครรู้จัก และยังไม่ใช่บุคคลที่อาศัยอยู่ในหมู่บ้านมีแต่บุคคลในกลุ่มที่ร่วมขบวนการเท่านั้นที่รู้จัก ซึ่งสำนักงานปฏิรูปที่ดินได้ติดประกาศ และได้มีกำหนดระยะเวลาให้ตรวจสอบและสามารถคัดค้านได้ภายใน 30 วัน นับตั้งแต่ วันที่16 ส.ค.2553 ถึงวันที่ 14 ก.ย.2553 โดยหากไม่มีผู้ใดคัดค้านทางสำนักงานปฏิรูปที่ดินจังหวัดกาญจนบุรี ก็จะอนุญาตให้บุคคลทั้ง 2 เข้าใช้พื้นที่ดังกล่าวทำประโยชน์ได้ ซึ่งพวกเราหมู่บ้านซองกาเรียทั้งหมดไม่มีใครเห็นด้วยจึงได้คัดค้าน
ต่อมาภายหลังชาวบ้านออกมาคัดค้านกลุ่มนายทุนเหล่านี้ก็แสดงพฤติกรรมพูดจาข่มขู่พวกเรามาโดยตลอด จึงไม่มีใครกล้าเข้าไปยับยั้งการกระทำของพวกเขา เนื่องจากเขามีกฎหมายอยู่ในมือ และยังมีเส้นสายตามหน่วยงานต่างๆ เป็นจำนวนมาก
ต่อมาบุคคลเหล่านี้ได้จ้างคนงานมาตัดต้นไม้ตามแนวเขตโดยรอบ จากนั้นได้มีคนนำหลักหมุด ส.ป.ก.มาปักเอาไว้บริเวณรอบพื้นที่ โดยอ้างว่า เป็นเจ้าหน้าที่ของ ส.ป.ก.ต่อมานางสุภาพร พร้อมพวกได้นำเอาเอกสารสิทธิที่เป็นกระดาษ A4 โดยอ้างว่าเป็นเอกสารสิทธิที่ได้รับอนุญาตจาก ส.ป.ก.ให้เข้าทำประโยชน์ในพื้นที่ 33 ไร่ พวกเรารู้ว่าเอกสารดังกล่าวนั้นไม่ใช่เอกสารรับรองสิทธิ์แต่อย่างใด และยังมีการออกแบบจัดล็อกเพื่อนำไปขายให้กับผู้ต้องการซื้อที่อีกด้วย พวกเราจึงได้รวมตัวกันเพื่อคัดค้านการกระทำของกลุ่มนายทุนในครั้งนี้ และจะไม่ยอมให้บุคคลเหล่านี้มาใช้พื้นที่เพื่อจัดสรรที่ขายอย่างเด็ดขาด
นายสนั่น เปิดเผยต่อว่า พวกเราชาวบ้านซองกาเรียทั้งหมดอาศัยผืนป่าดังกล่าวทำมาหากินตามวิถีชีวิตมาตั้งแต่สมัย ปู่-ย่า-ตา-ยาย โดยการหาพืชผักที่ขึ้นตามธรรมชาติ เช่นเก็บผักหวาน เก็บหน่อไม้ เพื่อนำมาเป็นอาหาร ที่เหลือก็นำไปขายเพื่อนำเงินส่งให้ลูกหลานได้เล่าเรียนหนังสือ แต่ในเมื่อกลุ่มนายทุนเหล่านี้ ซึ่งอ้างตัวว่าเป็นถึงผู้พิพากษา และเมียผู้พิพากษา จะมาฮุบที่ดินซึ่งเป็นผืนป่าเพียงแห่งเดียวและเป็นแหล่งทำมาหากินของพวกเรานำไปจัดสรรแบ่งล็อคขายเช่นนี้ ต่อไปลูกหลานของพวกเราจะอยู่กันได้อย่างไร
ด้าน นายดุษิต บุญพิทักษ์ ปฏิรูปที่ดินจังหวัดกาญจนบุรี กล่าวว่า อำเภอสังขละบุรี มีพื้นที่มากกว่า 2 หมื่นไร่แต่ที่มีปัญหาตรงจุดนี้มีประมาณ 33 ไร่เศษ และมีผู้มายื่นเรื่องจาก ส.ป.ก.เพื่อขอเข้าทำประโยชน์ในพื้นที่จริง แต่ทาง ส.ป.ก.กาญจนบุรียังไม่ได้มีการอนุญาตให้ใครเข้าทำประโยชน์ในพื้นที่แต่อย่างใด เนื่องจากหลังจากที่ ส.ป.ก.ได้ปิดประกาศในพื้นที่เมื่อประมาณกลางปี 2553 ว่า มีบุคคลเข้ามายื่นเรื่องที่ ส.ป.ก.ขอเข้าทำประโยชน์ ต่อมาผู้ใหญ่บ้านหมู่ 8 รวมทั้งชาวบ้านได้ยื่นเรื่องคัดค้านเข้ามา
นอกจากนั้น ยังมีแขวงการทางขอใช้พื้นที่เพื่อทำถนน และทหารก็ขอใช้พื้นที่เพื่อทำลานจอดเครื่องบิน ตนขอยืนยันว่า พื้นที่แปลงดังกล่าวทาง ส.ป.ก.ยังไม่ได้อนุญาตให้ผู้ใดเข้าไปทำประโยชน์ในพื้นที่แต่อย่างใด ส่วนที่ชาวบ้านบอกว่ามีคนนำเอกสาสิทธิ์มาแสดงต่อชาวบ้านนั้น นั่นไม่ใช้ใบเอกสารสิทธิ์ เป็นเพียงใบยื่นคำร้องขอทำประโยชน์เท่านั้น ไม่มีสิทธิ์เข้าทำประโยชน์ได้แต่อย่างใด
ด้าน นายจำรัส กังน้อย นอภ.สังขละบุรี กล่าวว่า เมื่อวันที่ 6 เม.ย.ที่ผ่านมา หลังจากที่ผู้ใหญ่บ้านหมู่ 8 ได้มาร้องเรียนกับตน จากนั้นจึงได้สั่งให้ปลัดอำเภอ รวมทั้ง อส.จำนวน 3 นายให้ลงพื้นที่ไปตรวจสอบที่ดินแปลงดังกล่าว ซึ่งขณะนั้นปลัดอำเภอได้พบกับคนงานกำลังปรับพื้นที่ดินแปลงดังกล่าวอยู่ จึงขอให้หยุดการกระทำไว้ก่อนเพื่อมาพูดคุยกัน ขณะกำลังคุยกันคนงานก็ได้โทรศัพท์ไปแจ้งให้กับนายจ้างทราบ จากนั้นก็ขอตัวกลับ ซึ่งปลัดอำเภอก็ไม่ได้ต่อว่าแต่อย่างใด แต่มีอยู่คนหนึ่งบอกว่าไม่ทำต่อก็ได้แต่ให้เตรียมตัวไปสู้กันในชั้นศาลได้เลย
ต่อมาวันที่ 10 เม.ย.ที่ผ่านมา ปลัดอำเภอ อส.3 นาย ผู้ใหญ่บ้านหมู่ 8 ผู้ช่วยผู้ใหญ่บ้าน ทหาร และชาวบ้าน รวมทั้งตนได้รับหมายศาลรวมทั้งหมด 11 คน ซึ่งจะทำการสอบถามอีกครั้งหนึ่งว่ามีใครได้รับหมายศาลกันบ้าง โดยมีตนตกเป็นจำเลยที่ 1 แต่อย่างไรก็ตาม ก็เป็นสิทธิ์ที่จะกระทำได้ ตนไม่ได้หวั่นไหวแต่อย่างใด เนื่องจากชาวบ้านได้รับความเดือดจึงเดินทางมาร้องเรียนซึ่งในฐานะที่ตนเป็นนายอำเภอมีหน้าที่เข้าไปตรวจสอบเพื่อให้ความเป็นธรรมกับชาวบ้านที่ได้รับผลกระทบ
อย่างไรก็ตาม หลังจากที่ ส.ป.ก.ได้ปิดประกาศก็มีผู้ใหญ่บ้านรวมทั้งชาวบ้านได้ออกมาคัดค้านการออกเอกสารสิทธิโดยขณะนี้ ส.ป.ก.ยังได้มีการออกเอกสารสิทธิให้กับผู้ใดทั้งสิ้น ทางอำเภอโดยการจัดการของผู้ว่าราชการจังหวัด จึงได้เชิญปฏิรูปที่ดินจังหวัด ป่าไม้ ทางหลวง ทหาร ตำรวจ และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องทั้งหมด 12 หน่วยงาน มาประชุมหาทางออกร่วมกัน ซึ่งในวันนี้เรามาตรวจสอบ และวัดพื้นที่ว่าพื้นที่ดังกล่าวเป็นพื้นที่ของใครกันแน่ที่จะต้องรับผิดชอบในการออกเอกสารสิทธิเข้าทำประโยชน์ในพื้นที่จะต้องมีการตรวจสอบให้ชัดเจนอีกครั้งหนึ่งเพื่อรายงานให้ผู้ว่าราชการจังหวัดทราบเพื่อดำเนินการต่อไป
เบื้องต้นทางสำนักงานปฏิรูปที่ดิน ยืนยันมาว่า ยังไม่มีการออกเอกสารสิทธิให้กับผู้ใดทั้งสิ้น ส่วนหมายศาลที่ทุกคนได้รับก็จะต่อสู้ตามขั้นตอนกฎหมายต่อไป