นครปฐม - ตำรวจภูธรภาค 7 ทำเรื่องขอย้ายจ่าเฉย จากนครบาลมาประจำตำแหน่งตำรวจภูธร ภาค 7 ติดตั้งตาวิเศษตรวจจับการใช้ยวดยานบนท้องถนนสามารถดูสภาพการจราจร และสั่งการได้จากทั่วโลก เริ่มปฏิบัติหน้าที่สงกรานต์ 54 พร้อมเตรียมพัฒนาสร้างจ่าเหมือนช่วยเป็นหูเป็นตาเจ้าหน้าที่
วันนี้ (8 เม.ย.) เวลา 11.00 น.ที่ห้องประชุม ศปก.ภ.7 อ.เมือง จ.นครปฐม พล.ต.ต.สมบูรณ์ ฮวบบางยาง รองผบช.ภ.7 เป็นประธานในการประชุมคอนเฟอเรนซ์ กับตำรวจภูธร 8 จังหวัดในสังกัดเพื่อเตรียมความพร้อมในการปฏิบัติหน้าที่ในการบริการที่น้องประชาชนในช่วงวันหยุดในเทศกาลสงกรานต์ โดยได้จับมือกับ คปก.เน้นโครงการ ชนแล้วแยกเร็ว ช่วงเทศกาลสงกรานต์พร้อมเปิดตัวจ่าเฉย ที่ได้ทำเรื่องย้ายจากต้นสังกัดนครบาลมาประจำหน้าที่ในพื้นที่ภูธรภาค 7
โดย พล.ต.ต.สมบูรณ์ ฮวบบางยาง รองผบช.ภ.7 พร้อมด้วย นายประพันธ์ โอฬารสกุล ผอ.สำนักคณะกรรมการกำกับและส่งเสริมกาประกอบธุรกิจประกันภัยภาค 10 ซึ่งดูแลบริษัทประกันภัยทั้งหมดในพื้นที่ภาค 7 ได้ร่วมกันจัดโครงการดังกล่าว โดยจะมีการเตรียมจัดตั้งศูนย์ในช่วงเทศกาลสงกรานต์เพื่อบรรเทา และให้ความช่วยเหลือรถยนต์ที่ประสบอุบัติเหตุให้สามารถมีเจ้าหน้าที่เข้าไปดูแลและแยกรถได้อย่างรวดเร็ว เพื่อไม่ให้มีการจราจรที่ติดขัดและเป็นอุปสรรคบนผิวการจราจร
พล.ต.ต.สมบูรณ์ ฮวบบางยาง รองผบช.ภ.7 กล่าวว่า หลังจากได้มีการสำรวจเส้นทางสัญจรต่างๆ ในพื้นที่ดูแลรับผิดชอบ ซึ่งมีทั้งหมด 8 จังหวัดในความรับผิดชอบในวันนี้ได้มีการเรียกประชุมผ่านวิดิโอคอนเฟอเรนซ์ ให้ตำรวจภูธรทั้ง 8 จังหวัดได้สรุปการวางแนวทางในการปฏิบัติหน้าที่หลังจากที่ พล.ต.ท.พงษ์สันต์ เจียมอ่อน ผบช.ภ.7 ได้กำชับแผนต่างๆ ซึ่งพบว่าการบริการพี่น้องประชาชนนั้น ต้องมีการดำเนินการหลายๆ ด้าน ทั้งในส่วนของการบริการและการกวดขันทางกฎหมายทั้งจราจรและความผิดต่างๆ ในช่วงการเล่นน้ำสงกรานต์ ซึ่งปีนี้จะมีการเน้นในหลายๆ รูปแบบประสานกับหน่วยงานต่างๆ ให้ชัดเจนมากขึ้น และต้องเป็นรูปธรรมที่เกิดประโยชน์และต้องไม่ทำให้ประชาชนเดือดร้อน
โดยวันเดียวกัน พ.ต.อ.สุรพจน์ พิสุทธิวงษ์ ผกก.สภ.พุทธมณฑล จ.นครปฐม ได้นำจ่าเฉย หุ่นปั่นรูปเหมือนเจ้าหน้าที่ตำรวจจราจร ที่เคยตั้งใช้ประจำการอยู่บนเกาะกลางถนนในเขตกรุงเทพมหานคร สังกัดตำรวจนครบาล มาเปิดตัว โดยได้มีการทำเรื่องร้องขอไป เนื่องจากได้เป็นแนวนโยบายของตำรวจภาค 7 ที่จะนำเอาเทคโนโลยีในการติดกล้องวงจรปิดที่ผู้ปฏิบัติหน้าที่ และผู้บังคับบัญชาจะสามารถดูภาพโดยตรงผ่านเครื่องคอมพิวเตอร์และโทรศัพท์มือถือในการตรวจสอบอุบัติเหตุ สภาพการจราจรและสามารถตรวจสอบเหตุร้ายและคนร้ายที่จะเข้ามาก่อเหตุได้ในพื้นที่ โดยในช่วงเทศกาลสงกรานต์นี้จะเริ่มนำมาใช้ราว 4-5 นายก่อน
พ.ต.อ.สุรพจน์ พิสุทธิวงษ์ ผกก.สภ.พุทธมณฑล กล่าวว่า ซึ่งในขั้นตอนแรกนี้จ่าเฉยจะย้ายมาสังกัดในพื้นที่ดูแลเพื่อเป็นการนำร่องก่อน จากนั้น ผู้บัญชาการตำรวจภาค 7 ได้สั่งการให้มีการขยายผล คือ การพัฒนา จ่าเหมือน ที่จะเป็นหุ่นที่ใส่เครื่องแบบจริงติดยศจริงซึ่งจะใช้งานที่สามารถสแกนป้ายทะเบียนรถที่มีชื่ออยู่ในข่ายของรถที่เป็นที่ต้องการของเจ้าหน้าที่ตำรวจ ซึ่งหากมีการผ่านมายังจุดที่มีจ่าเฉยจะสามารถแจ่งสัญญาณไปยังสถานีตำรวจให้ได้ทราบเพื่อติดตามรถต้องสงสัยได้ทันที และยังมีการวางระบบการสื่อสาร 2 ทาง ซึ่งประชาชนจะสามารถร้องเรียนหรือส่งข้อมูลที่จ่าเหมือนได้ด้วย ซึ่งจากนั้นหากได้ผลดีจะมีการนำไปใช้ทั่วทั้งพื้นที่ภาค 7 ได้อย่างมีประสิทธิภาพต่อไป
