พระนครศรีอยุธยา - เกษตรจังหวัดพระนครศรีอยุธยา สั่งท้องถิ่นเร่งช่วยชาวนาหลังพบปัญหาเพลี้ยระบาดหนักในพื้นที่จากสภาพอากาศที่แปรปรวน เบื้องต้นพบนาข้าวกว่า 100,000 ไร่ เสียหาย
นายอภิชาต สุติคา เกษตรและสหกรณ์จังหวัดพระนครศรีอยุธยา กล่าวว่า ขณะนี้พื้นที่ 11 อำเภอของ จ.พระนครศรีอยุธยา ได้รับผลกระทบอย่างหนักจากปัญหาเพลี้ยกระโดดสีน้ำตาล เป็นเพราะสภาพอากาศที่แปรปรวน จึงทำให้การเจริญเติบโตของเพลี้ยได้ผลดี ทั้งนี้ อำเภอที่มีเกษตรกรเดือดร้อน คือ อ.อุทัย อ.บางปะอิน อ.ลาดบัวหลวง อ.บางซ้าย อ.เสนา อ.บางไทร อ.วังน้อย อ.บางปะหัน อ.ผักไห่ อ.มหาราช และ อ.พระนครศรีอยุธยา
รวมพื้นที่ที่ได้รับความเสียหายกว่า 100,000 ไร่ โดยล่าสุดเกษตรจังหวัดพระนครศรีอยุธยา ส่งเจ้าหน้าที่ออกสำรวจความเสียหายแล้ว เนื่องจากเป็นช่วงที่ต้นข้าวของชาวนากำลังเจริญเติบโต และบางรายใกล้เก็บเกี่ยว แต่ด้วยสภาพอากาศที่แปรปรวน จึงทำให้เพลี้ยเจริญเติบโตได้ดี และยากต่อการป้องกัน
เนื่องจากเพลี้ยขยายตัวได้รวดเร็ว ซึ่งทางจังหวัดพระนครศรีอยุธยาได้ประกาศให้พื้นที่ที่มีปัญหาเพลี้ยกระโดดสีน้ำตาลเป็นพื้นที่ประสบภัยพิบัติกรณีฉุกเฉินแล้วและใช้ระเบียบของกระทรวงการคลังว่าด้วยเงินทดรองราชการโดยจะจ่ายให้ไร่ละ 606 บาท ซึ่งเกษตรกรที่ประสบภัยสามารถแจ้งความเดือดร้อนได้ที่เกษตรอำเภอ
ด้าน นายวิทยา ผิวผ่อง ผู้ว่าราชการจังหวัดพระนครศรีอยุธยา กล่าวว่า สั่งการให้องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นทุกแห่งทำสงครามเพลี้ยกระโดดสีน้ำตาล โดยกำหนดให้องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นเปิดและปิดไฟสาธารณะในจุดที่มีแหล่งน้ำให้นานขึ้นกว่าเดิม เพื่อให้ตัวเพลี้ยมาเล่นไฟและตกลงไปในน้ำเป็นอาหารปลา ส่วนแปลงนานั้น ให้เกษตรกรใช้ยางรถยนต์จุดด้วยไฟเพื่อเป็นสัญญาณให้เพลี้ยกระโดดสีน้ำตาลมาเล่นไฟและตกลงไปในกองเพลิง
ทั้งนี้ ทั้ง 2 วิธีจะทำได้เร็วและไม่ต้องลงทุนอะไรมาก และต้องยอมรับว่าการใช้สารเคมีกำจัดเพลี้ยกระโดดสีน้ำตาลนั้น ตอนนี้ใช้ไม่ได้ผลแล้ว เพราะเพลี้ยกระโดดสีน้ำตาลดื้อยาและปรับสภาพตัวเองให้ทนต่อยาฆ่าแมลงและสภาพอากาศในประเทศไทยได้ดีด้วย
นายอภิชาต สุติคา เกษตรและสหกรณ์จังหวัดพระนครศรีอยุธยา กล่าวว่า ขณะนี้พื้นที่ 11 อำเภอของ จ.พระนครศรีอยุธยา ได้รับผลกระทบอย่างหนักจากปัญหาเพลี้ยกระโดดสีน้ำตาล เป็นเพราะสภาพอากาศที่แปรปรวน จึงทำให้การเจริญเติบโตของเพลี้ยได้ผลดี ทั้งนี้ อำเภอที่มีเกษตรกรเดือดร้อน คือ อ.อุทัย อ.บางปะอิน อ.ลาดบัวหลวง อ.บางซ้าย อ.เสนา อ.บางไทร อ.วังน้อย อ.บางปะหัน อ.ผักไห่ อ.มหาราช และ อ.พระนครศรีอยุธยา
รวมพื้นที่ที่ได้รับความเสียหายกว่า 100,000 ไร่ โดยล่าสุดเกษตรจังหวัดพระนครศรีอยุธยา ส่งเจ้าหน้าที่ออกสำรวจความเสียหายแล้ว เนื่องจากเป็นช่วงที่ต้นข้าวของชาวนากำลังเจริญเติบโต และบางรายใกล้เก็บเกี่ยว แต่ด้วยสภาพอากาศที่แปรปรวน จึงทำให้เพลี้ยเจริญเติบโตได้ดี และยากต่อการป้องกัน
เนื่องจากเพลี้ยขยายตัวได้รวดเร็ว ซึ่งทางจังหวัดพระนครศรีอยุธยาได้ประกาศให้พื้นที่ที่มีปัญหาเพลี้ยกระโดดสีน้ำตาลเป็นพื้นที่ประสบภัยพิบัติกรณีฉุกเฉินแล้วและใช้ระเบียบของกระทรวงการคลังว่าด้วยเงินทดรองราชการโดยจะจ่ายให้ไร่ละ 606 บาท ซึ่งเกษตรกรที่ประสบภัยสามารถแจ้งความเดือดร้อนได้ที่เกษตรอำเภอ
ด้าน นายวิทยา ผิวผ่อง ผู้ว่าราชการจังหวัดพระนครศรีอยุธยา กล่าวว่า สั่งการให้องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นทุกแห่งทำสงครามเพลี้ยกระโดดสีน้ำตาล โดยกำหนดให้องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นเปิดและปิดไฟสาธารณะในจุดที่มีแหล่งน้ำให้นานขึ้นกว่าเดิม เพื่อให้ตัวเพลี้ยมาเล่นไฟและตกลงไปในน้ำเป็นอาหารปลา ส่วนแปลงนานั้น ให้เกษตรกรใช้ยางรถยนต์จุดด้วยไฟเพื่อเป็นสัญญาณให้เพลี้ยกระโดดสีน้ำตาลมาเล่นไฟและตกลงไปในกองเพลิง
ทั้งนี้ ทั้ง 2 วิธีจะทำได้เร็วและไม่ต้องลงทุนอะไรมาก และต้องยอมรับว่าการใช้สารเคมีกำจัดเพลี้ยกระโดดสีน้ำตาลนั้น ตอนนี้ใช้ไม่ได้ผลแล้ว เพราะเพลี้ยกระโดดสีน้ำตาลดื้อยาและปรับสภาพตัวเองให้ทนต่อยาฆ่าแมลงและสภาพอากาศในประเทศไทยได้ดีด้วย
