พิจิตร - เจ้าเมืองชาละวันปลื้มแก้ไขปัญหาภัยแล้งพื้นที่ลุ่มน้ำยมให้กลับมาคืนชีพชุ่มฉ่ำได้อีกครั้งหลังพายุฝนฤดูร้อนตกในเขตหลายจังหวัดภาคเหนือตอนบน สั่งชลประทานพองลมฝายยางเก็บกักน้ำช่วยชาวนา 3 ตำบล นาข้าวริมสองฝากฝั่งแม่น้ำยมเกือบหมื่นไร่นาข้าวเขียวขจี
นายสุวิทย์ วัชโรทยางกูร ผู้ว่าราชการจังหวัดพิจิตร ได้เปิดเผยภายหลังลงพื้นที่ตรวจราชการการแก้ไขปัญหาภัยแล้งในลุ่มน้ำยมของเขตจังหวัดพิจิตร ที่บริเวณฝายยางสามง่าม ที่ตำบลจระเข้ผอม ตำบลสามง่าม อำเภอสามง่าม จังหวัดพิจิตร ว่าผลจากในช่วง 1 สัปดาห์ที่ผ่านมาได้เกิดพายุฝนฤดูร้อนที่ทำให้ฝนตกติดต่อกันหลายวันในเขตภาคเหนือตอนบน ส่งผลให้แม่น้ำยมในเขต อ.สามง่าม จ.พิจิตร ที่เคยแห้งแล้งจนคนเดินข้ามแม่น้ำยมได้
อีกทั้งข้าวนาปรังบนพื้นที่กว่า 1 หมื่นไร่ก็ส่อเค้าจะแห้งเหี่ยวและขาดน้ำตาย แต่ปรากฏว่าหลังฝนตกน้ำในแม่น้ำยมกลับมีปริมาณสูงขึ้น จึงได้ประสานงานกับ สนง.ชป.พิจิตร ให้ดำเนินการด้วยการอัดลมภายในตัวฝายยางให้ปิดกั้นลำน้ำยมไว้เพื่อกักน้ำไว้ให้เกษตรกรในตำบลกำแพงดิน ตำบลสามง่าม และตำบลรังนก ทำให้พื้นที่ทำนาปรังกว่า 1 หมื่นไร่สามารถสูบน้ำไปใช้หล่อเลี้ยงต้นข้าวได้ จนทำให้ท้องทุ่งนาสองฝากฝั่งแม่น้ำยมกลับมาเขียวขจีอีกครั้ง อีกทั้งฝายยางดังกล่าวก็สามารถกั้นทดน้ำได้สูงกว่า 2 เมตร และทำให้น้ำหล่อเลี้ยงขึ้นไปทางด้านเหนือฝายยางได้มากกว่า 20 กิโลเมตร จึงถือเป็นความสำเร็จในการบริหารจัดการน้ำในลุ่มน้ำยมของจังหวัดพิจิตรดังกล่าว
อย่างไรก็ตาม ในอนาคตกรมชลประทานจะสร้างประตูทดน้ำอีก 1 แห่ง ที่บ้านท่าแห ต.กำแพงดิน อ.สามง่าม จ.พิจิตร ซึ่งถ้ารัฐบาลอนุมัติและจัดสรรงบประมาณเกือบ 350 ล้านบาทมาให้ ถ้าได้ดำเนินการในปีงบประมาณ 2554 ก็จะใช้เวลาประมาณ 18 เดือน ในการก่อสร้างก็จะแล้วเสร็จ ซึ่งก็จะส่งผลให้ชาวบ้าน อ.บางกระทุ่ม, อ.บางระกำ จ.พิษณุโลก ก็จะได้รับประโยชน์จากโครงการดังกล่าว รวมถึงชาวนาพิจิตรในเขต ต.กำแพงดินตอนเหนือก็จะได้มีน้ำทำนาจากแม่น้ำยมดังกล่าวอีกด้วย