พิจิตร - เจ้าเมืองชาละวันขอเรียกคุยพ่อค้าขายพันธุ์ข้าว ก่อนลงมือจับจริง หลังพบพันธุ์ข้าว 80% ในท้องตลาดมีแต่ของปลอมไม่ต้านทานโรค เตรียมส่งเสริมให้ชาวนาพิจิตรหันผลิตพันธุ์ข้าวขายได้ราคางาม จับมือศูนย์วิจัยข้าวให้ความรู้เร่งผลิตพันธุ์ข้าว หลังพิจิตรใช้ปีละ 4.6 หมื่นตัน แต่ผลิตเอง 8 พันตัน
นางวิไล ปาละวิสุทธิ์ นักวิชาการเกษตรชำนาญการพิเศษ ศูนย์วิจัยข้าวพิษณุโลก เปิดเผยภายหลังลงพื้นที่สำรวจร้านค้าของผู้ประกอบการขายพันธุ์ข้าวปลูกในท้องตลาดทั่วไปของเมืองพิจิตร ว่า ขณะนี้มี พ.ร.บ.พันธุ์พืช ปี 2518 ปรับปรุงปี 2552 ออกมาบังคับใช้ ซึ่งช่วยให้จับกุมและดำเนินคดีกับผู้หลอกลวงเอาเปรียบชาวนาและเกษตรกรอย่างจริงจัง และนับตั้งแต่บัดนี้ ถ้าเจอผู้ใดผลิตเพื่อจำหน่ายขายเมล็ดพันธุ์ข้าวของปลอม ด้อยคุณภาพ โฆษณาเกินจริง ก็จะใช้กฎหมายตาม พ.ร.บ.พันธุ์พืชจัดการอย่างเด็ดขาด แต่ก่อนจะลงมือจึงอยากขอพูดคุยทำความเข้าใจกันก่อน
โดยเฉพาะเรื่องเมล็ดพันธุ์ข้าวปลูก ที่พบว่า ชาวนาพิจิตรต้องสั่งซื้อจากนอกจังหวัดมากถึงปีละ 4.6 หมื่นตัน แต่พิจิตรผลิตได้องเพียง 8 พันตัน และพบว่าที่ขายอยู่ในท้องตลาดมีถึง 80% ที่เป็นพันธุ์ข้าวของปลอมด้อยมาตรฐาน ไม่ต้านทานโรค อีกทั้งข้าวที่นำมาปลูกรัฐบาล ก็ไม่ยอมรับในการประกันรายได้ แต่พวกพ่อค้าหัวใสแต่ขี้โกงก็ตั้งชื่อพันธุ์ข้าวด้อยมาตรฐานที่ตนเองผลิตเหล่านั้น ด้วยชื่อแปลกๆมีความหมายไพเราะแล้วโหมโฆษณาหลอกขายชาวนา เมื่อชาวนาหลงเชื่อเอาไปปลูกก็ได้ผลผลิตต่ำด้อยคุณภาพเข้าโครงการประกันรายได้ของรัฐบาลไม่ได้ เพราะโรงสีไม่รับซื้อ
อีกทั้งในอนาคต รัฐบาลจะกระจายงานการผลิตเมล็ดพันธุ์ข้าวให้ภาคเอกชนดำเนินการโดยรัฐบาลและศูนย์วิจัยข้าวพิษณุโลก จะเป็นเพียงผู้สนับสนุนกำกับดูแลจึงต้องมีการทำความเข้าใจกันก่อนลงมือจับจริง
ดังนั้น ในวันที่ 25 ก.พ.54 นายสุวิทย์ วัชโรทยางกูร ผู้ว่าราชการจังหวัดพิจิตร มีกำหนดเรียกประชุมเสวนา ผู้ประกอบการตัวแทนชาวนาและนักวิชาการเข้าร่วมเสวนาในหัวข้อทิศทางการผลิตเมล็ดพันธุ์ข้าวของไทยเพื่อการแข่งขันสู้กับตลาดการค้าเสรี ซึ่งจังหวัดพิจิตรมีนโยบายจะใช้พื้นที่ของพิจิตร นำร่องในการผลิตพันธุ์ข้าว เหตุเพราะชาวนาพิจิตรมีความพร้อม โดยเฉพาะพื้นที่นาที่อยู่ในเขตชลประทานสามารถทำนาได้มากกว่าปีละ 2 ครั้ง มีพื้นที่นับแสนไร่ ถ้าร่วมมือกันทั้ง 3 ฝ่าย ทั้งภาครัฐนักวิชาการ-พ่อค้าคนกลาง -ชาวนาผู้ผลิต ก็จะทำให้มีเมล็ดพันธุ์ข้าวพันธุ์ดีถึงมือชาวนา ส่งผลให้ได้ผลผลิตที่เจริญงอกงาม
นางวิไล ปาละวิสุทธิ์ นักวิชาการเกษตรชำนาญการพิเศษ ศูนย์วิจัยข้าวพิษณุโลก เปิดเผยภายหลังลงพื้นที่สำรวจร้านค้าของผู้ประกอบการขายพันธุ์ข้าวปลูกในท้องตลาดทั่วไปของเมืองพิจิตร ว่า ขณะนี้มี พ.ร.บ.พันธุ์พืช ปี 2518 ปรับปรุงปี 2552 ออกมาบังคับใช้ ซึ่งช่วยให้จับกุมและดำเนินคดีกับผู้หลอกลวงเอาเปรียบชาวนาและเกษตรกรอย่างจริงจัง และนับตั้งแต่บัดนี้ ถ้าเจอผู้ใดผลิตเพื่อจำหน่ายขายเมล็ดพันธุ์ข้าวของปลอม ด้อยคุณภาพ โฆษณาเกินจริง ก็จะใช้กฎหมายตาม พ.ร.บ.พันธุ์พืชจัดการอย่างเด็ดขาด แต่ก่อนจะลงมือจึงอยากขอพูดคุยทำความเข้าใจกันก่อน
โดยเฉพาะเรื่องเมล็ดพันธุ์ข้าวปลูก ที่พบว่า ชาวนาพิจิตรต้องสั่งซื้อจากนอกจังหวัดมากถึงปีละ 4.6 หมื่นตัน แต่พิจิตรผลิตได้องเพียง 8 พันตัน และพบว่าที่ขายอยู่ในท้องตลาดมีถึง 80% ที่เป็นพันธุ์ข้าวของปลอมด้อยมาตรฐาน ไม่ต้านทานโรค อีกทั้งข้าวที่นำมาปลูกรัฐบาล ก็ไม่ยอมรับในการประกันรายได้ แต่พวกพ่อค้าหัวใสแต่ขี้โกงก็ตั้งชื่อพันธุ์ข้าวด้อยมาตรฐานที่ตนเองผลิตเหล่านั้น ด้วยชื่อแปลกๆมีความหมายไพเราะแล้วโหมโฆษณาหลอกขายชาวนา เมื่อชาวนาหลงเชื่อเอาไปปลูกก็ได้ผลผลิตต่ำด้อยคุณภาพเข้าโครงการประกันรายได้ของรัฐบาลไม่ได้ เพราะโรงสีไม่รับซื้อ
อีกทั้งในอนาคต รัฐบาลจะกระจายงานการผลิตเมล็ดพันธุ์ข้าวให้ภาคเอกชนดำเนินการโดยรัฐบาลและศูนย์วิจัยข้าวพิษณุโลก จะเป็นเพียงผู้สนับสนุนกำกับดูแลจึงต้องมีการทำความเข้าใจกันก่อนลงมือจับจริง
ดังนั้น ในวันที่ 25 ก.พ.54 นายสุวิทย์ วัชโรทยางกูร ผู้ว่าราชการจังหวัดพิจิตร มีกำหนดเรียกประชุมเสวนา ผู้ประกอบการตัวแทนชาวนาและนักวิชาการเข้าร่วมเสวนาในหัวข้อทิศทางการผลิตเมล็ดพันธุ์ข้าวของไทยเพื่อการแข่งขันสู้กับตลาดการค้าเสรี ซึ่งจังหวัดพิจิตรมีนโยบายจะใช้พื้นที่ของพิจิตร นำร่องในการผลิตพันธุ์ข้าว เหตุเพราะชาวนาพิจิตรมีความพร้อม โดยเฉพาะพื้นที่นาที่อยู่ในเขตชลประทานสามารถทำนาได้มากกว่าปีละ 2 ครั้ง มีพื้นที่นับแสนไร่ ถ้าร่วมมือกันทั้ง 3 ฝ่าย ทั้งภาครัฐนักวิชาการ-พ่อค้าคนกลาง -ชาวนาผู้ผลิต ก็จะทำให้มีเมล็ดพันธุ์ข้าวพันธุ์ดีถึงมือชาวนา ส่งผลให้ได้ผลผลิตที่เจริญงอกงาม
