สุรินทร์- เมืองช้างหนาวยะเยือกต่อเนื่องเป็นวันที่ 3 อุณหภูมิต่ำ 16 องศา มีฝนตกกระจาย ลมกระโชกแรง บรรดาเด็กนักเรียนต้องสวมเสื้อกันหนาวไปโรงเรียนรับมืออากาศวิกฤตหนาวเย็นผิดปกติ ด้าน รพ.สุรินทร์ เผยเด็กและคนชราป่วย แห่เข้ารักษาพุ่งวันละ 1,200 ราย เตือน ปชช.ดูแลสุขภาพโดยเฉพาะเด็ก คนชรา ควรสวมเสื้อผ้าให้อบอุ่นและกินอาหารเป็นประโยชน์ต่อร่างกาย
วันนี้ (29 มี.ค.) ผู้สื่อข่าวรายงานว่า สภาพอากาศที่ จ.สุรินทร์ ยังคงหนาวเย็น มีลมกระโชกแรง พร้อมทั้งมีฝนตกโปรยปรายเป็นระยะๆ ทำให้อากาศมีความหนาวเย็นผิดปกติต่อเนื่องเป็นวันที่ 3 โดยสถานีอุตุนิยมวิทยาสุรินทร์ เปิดเผยว่า ลักษณะอากาศในพื้นที่จังหวัดสุรินทร์ มีความหนาว เย็นต่อเนื่องเป็นวันที่ 3 อุณหภูมิอยู่ที่ 15-17 องศาเซลเซียส และในเช้าวันนี้ (29 มี.ค.) อุณหภูมิวัดได้ 16 องศาเซลเซียส และมีลมกระโชกแรงเป็นระยะๆ มีฝนกระจายประมาณ 10 เปอร์เซ็นต์ของพื้นที่ จ.สุรินทร์ ลักษณะอากาศจะเป็นอย่างนี้อีกประมาณ 2-3 วัน
ขณะที่ โรงเรียนอนุบาลสุรินทร์ อ.เมือง จ.สุรินทร์ ซึ่งเป็นวันสุดท้ายของการเปิดภาคเรียน ที่ 2 ปีการศึกษา 2553 บรรดาเด็กนักเรียนพร้อมผู้ปกครองที่เดินทางมารับสมุดรายงานผลการเรียนพร้อมรับเงินอุดหนุนจากรัฐบาลตามนโยบายเรียนฟรี 15 ปี ต้องพากันสวมเสื้อใส่กันหนาวมาโรงเรียนทุกคน และต่างพูดเป็นเสียงเดียวกันว่า วันนี้อากาศหนาวมาก ซึ่งตามปกติในช่วงเดือน มี.ค.ของทุกปีสภาพอากาศไม่เคยแปรปรวนหนาวเย็นผิดปกติมากขนาดนี้มาก่อน
ทางด้าน นพ.ธงชัย ตรีวิบูลย์วณิชย์ ผู้อำนวยการโรงพยาบาลศูนย์สุรินทร์ เปิดเผยว่า จากสภาพอากาศที่ร้อนและแปรปรวนกลับมาหนาวเย็นอย่างรวดเร็ว รวมทั้งมีฝนตกอยู่ในขณะนี้ส่งผลให้ผู้สูงอายุและเด็ก ร่างกายปรับสภาพไม่ทันป่วยด้วยโรคทางเดินระบบหายใจ เช่น ไข้หวัดและปอดบวม กันเป็นจำนวนมาก โดยแต่ละวันมีผู้ป่วยเข้ารับการตรวจรักษาที่โรงพยาบาลศูนย์สุรินทร์เพิ่มขึ้นเป็นวันละกว่า 1,200 คน จากปกติวันละ 600-700 คน
ดังนั้น จึงขอเตือนประชาชนให้ดูแลสุขภาพของตัวเองโดยเฉพาะผู้สูงอายุ และบุตรหลานเป็นอย่างดี ควรสวมเสื้อผ้า เพื่อให้ความอบอุ่นกับร่างกายอย่างเพียงพอ และรับประทานอาหารที่เป็นประโยชน์ต่อร่างกาย หากพบว่ามีอาการไข้ ควรรีบพบแพทย์ทันที เนื่องจากหากปล่อยไว้กระทั่งกลายเป็นโรคปอดบวม อาจเสี่ยงต่อการเสียชีวิตได้ ส่วนการป้องกันโรคผิวหนังแห้งที่เกิดจากการแพ้อากาศ ให้ใช้โลชันบำรุงผิว หลังการอาบน้ำ และหากอาการไม่ดีขึ้นควรรีบพบแพทย์เพื่อทำการรักษาอย่างถูกวิธีต่อไป
