กาฬสินธุ์- สถานการณ์แล้งที่จังหวัดกาฬสินธุ์หนัก ส่งผลกระทบถึงอาชีพเฉาะลูกตาลขาย ที่เคยสร้างรายได้ในฤดูแล้งกว่า 8 หมื่นบาท กลับลดวูบเหลือแค่ 3 หมื่นบาท แทบขาดทุน ผู้ประกอบการระบุสาเหตุจากสภาพอากาศที่แห้งแล้ง ทำให้ต้นตาลไม่ออกดอกออกผล ซ้ำเกิดโรคระบาด มีหนอนกัดกิน ผลผลิตจึงตกต่ำ รายได้ลดกว่า 50% อาจเป็นผลให้ชาว จ.กาฬสินธุ์ อดกินเม็ดตาล เพราะภัยแล้งคุกคามรุนแรง
นายสุชิน คงพลปาน อายุ 42 ปี บ้านเลขที่ 238 หมู่ 1 ต.นาเชือก อ.ยางตลาด จ.กาฬสินธุ์ พ่อค้าขายเม็ดลูกตาล กล่าวว่า ในฤดูแล้งหลังว่างเว้นจากการทำนา ตนพร้อมภรรยาและลูกชาย จะมายึดร่มไม้ริมถนนหน้าหมู่บ้าน เป็นจุดเฉาะลูกตาลจำหน่ายให้กับนักท่องเที่ยว และประชาชน ที่ใช้เส้นทางนี้เดินทางไปเขื่อนลำปาว และพิพิธภัณฑ์ไดโนเสาร์สิรินธร (ภูกุ้มข้าว) อ.สหัสขันธ์ ในทุกปีที่ผ่านมารายได้ดีมาก เนื่องจากมีลูกตาลเฉาะขายตลอดช่วง 5 เดือน คือมกราคม-พฤษภาคม ทำให้มีรายได้ประมาณ 8 หมื่นบาท
จากการที่ได้มีการเปิดสะพานเทพสุดา ข้ามเขื่อนลำปาว เชื่อมระหว่าง อ.สหัสขันธ์-หนองกุงศรี ที่จะมีประชาชนใช้เส้นทางนี้กันมาก ซึ่งตนก็หวังว่าจะส่งผลให้อาชีพขายเม็ดลูกตาลดีขึ้นอีกหลายเท่าตัว แต่ก็ต้องผิดหวัง เนื่องจากสภาพอากาศที่วิปริต ที่ผ่านมา หนาวจัด และกลับมาร้อนแล้ง เป็นสาเหตุให้ต้นตาลไม่ออกดอกออกผล
นอกจากนี้ ยังมีแมลงศัตรูประเภทด้วงและเพลี้ยกัดกิน ผลผลิตจึงตกต่ำ ไม่พอจำหน่าย ประเมินดูแล้วตลอดแล้งนี้คงจะมีรายได้เพียง 3 หมื่นบาท ลดลงกว่า 50%”
นายสุชิน กล่าวอีกว่า อาชีพเฉาะลูกตาลขาย เคยสร้างรายได้ในฤดูแล้งอย่างงาม แต่ในปีนี้กลับลดลงแทบขาดทุน เนื่องจากลงทุนไปเยอะเหมือนกัน ทั้งค่าน้ำมันรถตระเวนหาซื้อจากเจ้าของต้นตาลทั่วไป ทั้งในเขตจ.กาฬสินธุ์และใกล้เคียง โดยจะเหมาซื้อต้นละ 100 บาท แต่ละต้นได้ผลตาลที่พอเฉาะเม็ดขายไม่กี่ลูกๆละ 3-4 เม็ด นำมาเฉาะจำหน่ายบรรจุถุงๆ ละ 7 เม็ดราคา 20 บาท บรรยากาศการขายดีมากเนื่องจากเม็ดลูกตาลจะมีให้กินเฉพาะในฤดูแล้งเท่านั้น
แต่น่าเสียดายตรงที่ปีนี้แล้งจัด กระทบถึงผลผลิตต้นตาล ทำให้ไม่เพียงพอต่อความต้องการของลูกค้าผู้บริโภค และเร็วๆนี้ชาวกาฬสินธุ์คงอดกินเม็ดตาล เพราะภัยแล้งคุกคามรุนแรงมาก